TH
ข่าวสารล่าสุด
เซ็น กรุ๊ป Q4 ปี 66 รายได้รวม 1,062 ล้านบาท อัพไซด์ค้าปลีกโต 72% ดันยอดรวมปี 66 แตะ 3,945 ล้านบาท

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โชว์งบไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นที่ธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตขึ้นกว่า 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 532 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 16% จากปี 2565 และบริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งกลุ่มบริษัท 177 ล้านบาท

คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ทางด้านเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2566 โดยรวมอุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัวจากการส่งออกภาคบริการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ทำให้รายรับการท่องเที่ยวปรับลดลง 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจร้านอาหารในช่องทางรับประทานอาหารที่ร้านเติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับรูปแบบธุรกิจ การพัฒนาแบรนด์ และการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการให้มากที่สุด และจากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจอาหารค้าปลีกเติบโตขึ้น 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน”

ในส่วนของการทำการตลาดในช่วงปลายปีก็สร้างความคึกคักให้กับตลาดช่วงปลายปีไม่น้อยเลยทีเดียว ฝั่งร้านอาหารแบรนด์ญี่ปุ่น เริ่มที่ เซ็น เรสเตอร์รอง ชูกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปี มูเก็ตติ้ง (Muketing) ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมพลังด้วยการทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Emotional กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Y - Gen Z,  ต่อมาที่ ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โต๊ะจัง พาสาว ๆ ไปพักร้อนปลายปีถึงอิตาลี กับแคมเปญชวนเฉลิมฉลอง ‘Wonderful Italian Taste with Toh Chan’ สัมผัสเมนูหลากหลายสไตล์อิตาลี โดยเน้นการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัว และพนักงานออฟฟิต, อากะ (AKA) ต่อยอดความสนุกในแคมเปญปลายปี AKA K-Series กินเกาให้เมามันส์ อัดความสุขแบบไม่อั้น ด้วย AKA Lemon Bomb หรือมะนาวช็อตบอมบ์ เครื่องดื่มปาร์ตี้สุดเกา พร้อมจัดหนักเมนูเกาหลีกว่า 36 เมนู, ทางฝั่งแบรนด์ไทย ตำมั่ว (Tummour) ส่งแคมเปญปลายปีตอกย้ำความมั่วระดับตำนาน เน้นการสร้าง Experience ใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ กับแคมเปญ ‘โคตรแซ่บ โคตรคุ้ม’ เสิร์ฟ 3 เมนู ตำโคตรมั่ว, ตำโคตรเจ้าสมุทร, ตำโคตรหมูยอ จัดหนัก จัดเต็ม แบบไม่หวงเครื่อง มาพร้อมโปรโมชั่นแลกซื้อเมนูหมูสับปลาร้าทรงเครื่อง 1 จาน เพียง 69 บาท (จากราคาปกติ 135 บาท) เมื่อซื้อเมนูตำโคตร (ที่ร่วมรายการ), เขียง (Khiang) ขอส่งเมนูใหม่แบบย้อนวันวาน วัยเด็ก เป็นแคมเปญส่งท้ายปีแบบน่ารัก ๆ กับ ‘มาม่าหน้าโรงเรียน’ 3 เมนูเด็กเส้น เครื่องแน่น ได้แก่ มาม่าหน้าโรงเรียน, มาม่าปลากระป๋อง, มาม่าต้มยำทรงเครื่อง

นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปีของทุกแบรนด์ในเครือ การขยายสาขาก็เป็นเป้าหมายหลักของ เซ็น กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่รวม 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 18 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 5 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา หากนับรวมทั้งปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 57 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 38 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 17 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 2 สาขา

โดยในช่วงไตรมาส 4 ตุลาคม - ธันวาคม ปี 2566 มีการเปิดสาขาใหม่ดังนี้ 

  • แบรนด์ อากะ (AKA) เปิด 5 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลนครศรีธรรมราช, เซ็นทรัลเวสต์ วิลล์ และเทอร์มินอล 21 พัทยา รวมสาขาของ AKA ทั้งหมดเป็น 53 สาขา และ อากะ ชาบู (AKA Shabu) 1 สาขา
  • แบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง (ZEN) เปิด 5 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ และเทอร์มินอล 21 พัทยา รวมทั้งหมดเป็น 55 สาขา
  • แบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) เปิด 4 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ และ ลาวิลล่า อารีย์ รวมทั้งหมดเป็น 35 สาขา
  • แบรนด์ ดินส์ (Din's) เปิดเพิ่ม 1 สาขาใหม่ ได้แก่ เทอร์มินอล 21 พัทยา
  • แบรนด์ ตํามั่ว เปิดสาขาแฟรนไซส์ 2 สาขาใหม่ที่ ห้างไชยแสง สิงห์บุรี, บิ๊กซี สระบุรี และ เดอ ตํามั่ว เปิด สาขาแฟรนไซส์ 1 สาขาใหม่ ที่เซ็นทรัลเวสต์วิลล์
  • แบรนด์ สาวญวน เปิด 5 สาขาใหม่ เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลอุดร, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และสาขาแฟรนไชส์อีก 2 สาขา คือ เดอะมอลล์บางแค และเดอะมอลล์บางกะปิ
  • เขียง เปิดสาขาแฟรนไชส์ 1 สาขาต่างประเทศที่มาเลเซีย

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทมีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 341 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 182 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 149 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 10 สาขา

นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการลดปริมาณขยะ ด้วยการคัดแยกขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์หรือนำกลับมารีไซเคิล และเริ่มมีการสนับสนุนวัตถุดิบ ไข่ไก่ Cage Free โดยเริ่มนำมาใช้กับ ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง, ร้าน อากะ และ ร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล สาขา เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง สาขา เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล อีก 20 สาขาในกรุงเทพฯ ด้วย

6 มีนาคม 2567
อ่านเพิ่มเติม
On the Table ครีเอท ‘NEW VIBE’ ชู Food Creation & New Experience ดึง TOH CHAN x SISTERS เอาใจคนรุ่นใหม่ไลฟสไตล์เก๋ ทั้งสายฟู้ดส์ สายคอนเทนท์ ชวนแวะมาเช็คอิน ส่องผลงานศิลปะสุดคิ้วท์
28 กุมภาพันธ์ 2567
อ่านเพิ่มเติม
ปิ้งย่างอินเลิฟ! AKA สร้างกระแสช่วงวาเลนไทน์ ‘เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่รัก’ มอบ ‘ช่อหมูสื่อรัก’ กระชับมิตรแบรนด์คู่แข่งในตลาด แถมถูกจริตคู่รักนักปิ้ง สร้าง engagement ร่วมกันหวานฉ่ำ
12 กุมภาพันธ์ 2567
อ่านเพิ่มเติม
AKA Champion "ปิ้งจุก สุขทั่วไทย" ท้าดวลนักกินจุทั่วไทย ร่วมชิงเงินรางวัลสูงถึง 100,000 บาท
18 มกราคม 2567
อ่านเพิ่มเติม
เซ็น เรสเตอร์รอง ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมความมงคลด้วยมื้ออาหารคุณภาพกับ 5 เมนูมังกรมงคล พร้อมเช็คดวงปัง ๆ ไปกับ หมอต๊อกแต๊ก A4 หมอดูชื่อดัง
29 ธันวาคม 2566
อ่านเพิ่มเติม
16 สิงหาคม 2565
เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ เซ็น กรุ๊ป ประกาศเดินหน้าขยายแบรนด์ ‘อากะ’ อีกกว่า 15 สาขาทั่วประเทศ ในปี 65 นี้ โดยเน้นการเปิดสาขาไปยังต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการเปิดแบรนด์ใหม่ “อากะ ชาบู” อีก 2 สาขาภายในสิ้นปีนี้ด้วย
ปักหมุดสาขาแรก เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1 ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ D.I.Y. Buffet เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านบุฟเฟ่ต์ ครอบคลุมทั้งรูปแบบปิ้งย่างและชาบู รวมถึงการให้บริการแบบ Full Service ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค

คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันภาพรวมตลาดปิ้งย่างในไทย มีมูลค่ารวมกว่า 9,000 ล้านบาท และตลาด
ชาบู-สุกี้ในไทย มีมูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท ถือได้ว่าทั้ง 2 ตลาดเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และยังมีผู้บริโภคที่ชอบรับประทานอาหารทั้ง 2 ประเภทนี้ค่อนข้างมาก เห็นได้ชัดจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะช่วงหลังจากโควิดที่ลูกค้าเน้นความคุ้มค่าจึงมีความต้องการบุฟเฟ่ต์มากขึ้น

ทั้งนี้ทางเซ็น กรุ๊ป เองก็เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในตลาดปิ้งย่างที่มีแบรนด์ ‘อากะ’ ซึ่งวางแผนขยายกว่า 15 สาขา ภายในสิ้นปี โดยเน้นขยายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ตอกย้ำความเป็น No.1 Yakiniku Buffet ที่มีสาขามากที่สุดในรูปแบบบุฟเฟ่ต์และเดินหน้ารุกขยายเข้าสู่ตลาดชาบูอย่างเต็มรูปแบบ วางแผนเปิด 2 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับการปักธงชูความเป็นผู้นำในเรื่องบุฟเฟ่ต์ ทั้งปิ้งย่างและชาบู เรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดจากแบรนด์ “อากะ” ยากินิกุบุฟเฟ่ต์ ที่ครองใจคนรักปิ้งย่างมาตลอด 15 ปี สู่ “อากะ ชาบู” 
บุฟเฟ่ต์ชาบูแบรนด์ใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมแกร่งพอร์ตฯ ธุรกิจกลุ่มร้านอาหารในเครือ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 130 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 900 ล้านบาทหรือประมาณการเติบโตมากกว่า 60% ภายในสิ้นปี และการขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้ ‘อากะ’ เป็นอีกแบรนด์หนึ่งของทางกลุ่มเซ็นที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2566” 

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  “กลยุทธ์หลักของทั้ง “อากะ” และ “อากะ ชาบู” คือ การสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ได้มากที่สุด โดยเราใช้ Growth Strategy ทั้ง Horizontal คือการขยายแนวนอน นำแบรนด์ AKA Yakiniku ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว ไปสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ให้ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนได้กว้างขึ้น และการขยายแบบ Vertical  คือ การนำมาตรฐานวัตถุดิบคุณภาพของแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ไปต่อยอดในธุรกิจใหม่ ซึ่งเราเลือกธุรกิจชาบู เพราะมี demand ของตลาดที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับธุรกิจเดิมที่เป็น D.I.Y. อยู่แล้ว 

โดย Brand positioning เรายังคงความเป็น The Best D.I.Y. Buffet Experience ที่ส่งต่อจาก ปิ้งย่าง มาถึง ชาบู ด้วย Product ที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร วัตถุดิบที่หลากหลาย และเมนูเสริมอีกมากมาย มีบรรยากาศภายในร้านที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่น โดยเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน ครอบครัว และกลุ่มคนรักบุฟเฟ่ต์ พร้อมชูคอนเซ็ปต์ D.I.Y. Buffet มาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์ทุกความชอบ”

‘อากะ ชาบู’ เป็นแบรนด์ที่อยากจะมอบความสุขและยกระดับประสบการณ์การรับประทานชาบูบุฟเฟ่ต์ ตอบโจทย์
ทุกมุมของผู้บริโภค ชูจุดแข็งด้านคอนเซปต์ใหม่ที่สนุกสนานมากขึ้น การออกแบบร้านที่เหมือนได้ไปรับประทานชาบูที่มีบรรยากาศเหมือนประเทศญี่ปุ่น ด้านเมนูอาหารที่ตอบโจทย์ โดยมีรูปแบบให้เลือกทั้ง หม้อเดี่ยวแบบส่วนตัว และ 
หม้อรวม เพื่อแชร์ความสนุกผ่านมื้ออาหารกับเหล่าเพื่อนหรือครอบครัว มาพร้อมวัตถุดิบคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู 
เนื้อวัว เนื้อแกะ ซีฟู้ด และอื่น ๆ อีกกว่า 82 เมนู เสิร์ฟพร้อม น้ำซุป 5 แบบ ไฮไลท์คือ น้ำซุปยูสุ หอมกลิ่นปลาแห้งผสม
ยูสุ รสชาติกลมกล่อมและสร้างความสดชื่นได้อย่างลงตัว ทานคู่กับน้ำจิ้มอากะชาบู สูตรลับที่ไม่เหมือนใคร ได้รสชาติกลมกล่อมเข้ากัน นอกจากนั้นยังมีซุปกิมจิที่เข้มข้นและซุปอื่นๆ อีกมากมาย นอกเหนือจากชาบู ยังมีเมนูทานเล่นหลากหลาย ทั้งยำรสเด็ด และเมนูดองซีอิ๊วที่ทุกคนชื่นชอบ ประสบการณ์ที่สนุกสนานอีกมุมคือ
สเตชั่นอาหารที่สามารถตักเติมได้ไม่อั้น ทั้งผัก ลูกชิ้นและเส้นนานาชนิด เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับประทานบุฟเฟ่ต์ที่ครบรสและสนุกมากยิ่งขึ้น ราคาก็ยิ่งตอบโจทย์ทุกคน โดยสามารถเลือกรับประทานได้ทั้งหมด 3 ราคา คือ 
Meat Lover Buffet ราคา 399++ บาทต่อคน, Regular Buffet ราคา 599++ บาทต่อคนและ Premium Buffet 999++ บาทต่อคน (ราคารวมค่าเครื่องดื่ม)

“ปัจจุบัน อากะ เปิดให้บริการแล้วกว่า 32 สาขา และ อากะ ชาบู เปิดให้บริการแล้ว 1 สาขา คือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 1  โดยเรายังเดินหน้ารักษาไว้ซึ่งคุณภาพของแบรนด์เดิมที่มีอยู่ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมความสะดวกสบายให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นระบบ self-ordering และ AKA Robot ที่ช่วยเสิร์ฟอาหารได้อย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับการพัฒนา
แบรนด์ใหม่ในเครือ รวมไปถึงการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการจับเทรนด์และปรับเปลี่ยนให้ทันตามความต้องการของผู้บริโภคก็จะยิ่งส่งผลให้ร้านอาหารในเครือเซ็น กรุ๊ป ทั้งหมด เติบโตได้อย่างแน่นอน” คุณปรีด์ 
กล่าวทิ้งท้าย


ติดตามรายละเอียดของ อากะ ชาบู ได้ที่ https://www.facebook.com/akarestaurant หรือ Line @ZENGroupTH 

ข้อมูลเพิ่มเติมการเปิดสาขาของแบรนด์ 
อากะ ปี 2565
  • เดือนพฤษภาคม 2565 :  อากะ เปิดสาขา โรบินสัน ฉะเชิงเทรา (สาขาที่ 26)
  • เดือนมิถุนายน 2565    :  อากะ เปิดสาขา บิ๊กซี นครปฐม และสาขาเซ็นทรัล จันทบุรี (สาขาที่27-28)
  • เดือนกรกฎาคม 2565   :  อากะ เปิดสาขา เดอะมอลล์โคราช, เซ็นทรัลศาลายา และเซ็นทรัลอยุธยา (สาขาที่ 29-31)
-              เดือนสิงหาคม 2565     :  อากะ เปิดสาขา โรบินสันสมุทรปราการ (สาขาที่ 32)
ข้อมูลเพิ่มเติมการเปิดสาขาของแบรนด์ อากะ ชาบู ปี 2565
  • เดือนสิงหาคม 2565     :  อากะ ชาบู เปิดสาขา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า (สาขาที่ 1)

 
16 สิงหาคม 2565

คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศเดินหน้าตอกย้ำแบรนด์ ‘ตำมั่ว’ และ ‘ลาวญวน’ ชูความเป็นผู้นำแบรนด์อาหารอีสาน
ต้นตำรับ ฉบับนครพนม ตั้งเป้าเปิด 7 สาขา ภายในสิ้นปี 65 โดยแบ่งเป็นแบรนด์ ตำมั่ว 4 สาขา และ ลาวญวน 3 สาขา พร้อมกับการปรับลุคแบรนด์ ‘ตำมั่ว’ ในคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘หน้าเนื้อใจเสือ’ ทั้งการออกเมนูซีรีย์ใหม่ ชูความโดดเด่นของวัตถุดิบคุณภาพแนวอีสานที่ใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อเสือร้องไห้ ซึ่งเป็นเนื้อส่วนอกของวัว มาพัฒนาเมนูจัดจ้านสไตล์อีสานแท้ ๆ อาทิ หมกเสือ ลาบเสือ ต้มเสือ น้ำตกเสือ และเนื้อเสือร้องไห้ย่าง เป็นต้น รวมถึงการปรับโฉมบรรยากาศร้านใหม่ เอาใจกลุ่มคนทำงานที่ชื่นชอบการสังสรรค์มากขึ้นอีกด้วย 

ลองชิมเมนูซีรีย์ใหม่ “หน้าเนื้อใจเสือ” ได้แล้ววันนี้ ที่ ตำมั่ว สาขา บิ๊กซี ราชดำริ, สาขา บิ๊กซี พระราม 4 และ เดอ ตำมั่ว เกษร วิลเลจ มาพร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ‘5 เสือคำราม’ หมกเสือ, ลาบเสือ, ต้มเสือ, น้ำตกเสือ และเนื้อเสือร้องไห้ย่าง ในราคาสุดคุ้มเพียง 455 บาท (ราคาปกติ 540 บาท) ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 65 – 31 ม.ค. 66
 

15 กรกฎาคม 2565
On the Table ร้านอาหารสไตล์โตเกียวคาเฟ่ ชูกลยุทธ์การตลาดจากอินไซต์ของผู้บริโภค ในรูปแบบ คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง ปล่อยหมัดเด็ด น้อง “โต๊ะจัง” ออกมาสร้างกระแสทั่วโลกออนไลน์ เพื่อทำให้แบรนด์ใกล้ชิดกับ คนในยุคใหม่มากขึ้น พร้อมทั้งสร้างภาพจำแบรนด์ที่สร้างความสุขบนโต๊ะอาหาร ตามคอนเซ็ปต์ Happiness is On the Table ได้อย่างชัดเจน

‘เริ่มต้นด้วยโจทย์ที่ชัด’

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อย่างที่ทุกคนทราบดี กลยุทธ์การตลาดมีหลากหลายวิธี แต่ด้วยโจทย์ใหญ่ของ On the Table คือต้องการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้า โดยเน้นช่องทางโซเซียลเป็นหลัก งานนี้ทางแบรนด์จึงมอบโจทย์ ให้กับทีมเอเจนซี่ Sour Bangkok จนเกิดการใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้าง Social Connection และ Brand Recall ให้มากขึ้น”

‘ทำคลอดโต๊ะจัง’

จากรายละเอียดการดีไซน์คาแรคเตอร์ครั้งนี้ มีความน่าสนใจมากมาย พบว่าคาแรคเตอร์ “โต๊ะจัง” ตั้งต้นจากการ สำรวจข้อมูลว่ากลุ่ม Potential Consumer ว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ จนพบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่คือกลุ่มผู้หญิง ที่เป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกร้านอาหาร มีทั้งวัยทำงาน นักศึกษา และครอบครัว ทำให้การสร้างคาแรคเตอร์ครั้งนี้ ได้เสริมความน่ารักให้กับแบรนด์ เพื่อมัดใจกลุ่มเป้าหมาย

ขั้นตอนการสร้างคาแรคเตอร์ เริ่มต้นจากการนำ Brand Asset ของ ‘โต๊ะ’ ที่เป็นโลโก้ของแบรนด์ ผนวกกับ Consumer Insight ของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสาวๆ ที่มีความสุขจากการได้ทานของอร่อย โดยงานนี้ได้บริษัท Minto สัญชาติญี่ปุ่น มาช่วยในการออกแบบด้วย ซึ่งในทุกๆ รายละเอียดของโต๊ะจังก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น

·       การออกแบบหน้าตาของโต๊ะจังที่สามารถสะท้อนบุคลิกความขี้เล่น น่ารัก สดใส ให้เข้าถึงง่าย นอกจาก จะมีรูปร่างเหมือนโต๊ะ ซึ่งเป็นโลโก้ของแบรนด์ แต่ก็ยังมีแก้มป่องๆ ยุ้ยๆ ให้หยิกได้และเอ็นจอยกับการเคี้ยวตุ้ยได้
·       การเลือกใช้ลายเส้นที่เป็นการวาดด้วยมือทั้งหมด และการเลือกใช้สีน้ำเงินที่สอดคล้องกับCI ของแบรนด์ 
On the Table เพื่อสะท้อนความปราณีตและความพิถีพิถันของแบรนด์ด้วย

นอกจากนี้แบรนด์ยังได้ Sour Bangkok มาช่วยเพิ่มความสดใสให้โต๊ะจังให้กลายเป็นที่รักของคนมากขึ้น ครีเอท โปรไฟล์ประจำตัวแบบเก๋ๆ ‘โต๊ะจัง สาวโสดสายกินที่มีความเชื่อว่ากองทัพต้องเดิมด้วยท้อง มาพร้อมกับเสียงท้องร้อง จ๊อกๆ สุดคิมิโนโต๊ะ โต๊ะจังไม่สนเรื่องไดเอท สนแต่เมนูเด็ดวันนี้คืออะไร เธอเกิดมาเพื่อแต่งงานกับชาชู เล่นชู้กับฮันนี่โทสต์ แต่สถานะปัจจุบันยังโสด เพราะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะกินได้’ รวมถึงการออกแบบ วิธีการสื่อสาร การเลือกวิธีการพูดที่มีความน่ารัก น่าหยิกเล็กๆ พร้อมทั้งร่วมกำหนดบทบาทของโต๊ะจังที่จะ ปรากฎตัวอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าของ On the Table เกิดความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้

‘ตั้งโต๊ะ เปิดตัวโต๊ะจัง’         

เนื่องจาก “โต๊ะจัง” แบรนด์มาสคอตน้องใหม่ เป็นนางเอกสำคัญที่จะทำให้โต๊ะของร้าน On the Table เข้าไปนั่งอยู่ใน ใจทุกคนได้อย่างรวดเร็ว กลยุทธ์การตลาดครั้งนี้ “โต๊ะจัง” จึงถูกวางอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อหาวิธีการทำความรู้จักกับ ลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เริ่มต้นด้วย Teaser ปังๆ ด้วยการเปลี่ยนนิยามเด็กเอ็นให้คนหลงรัก ด้วยประกาศกร้าวรับงานเอ็น เน้นทานข้าวบน
จอยักษ์กลางกรุงเทพ ด้วยข้อความน่ารัก น่าชัง มองหาเพื่อนสายกิน พร้อมสู้ตายกับมื้อเย็น สร้างความอยากรู้ให้ ชาวออนไลน์ว่าสาวปริศนาคือใคร! จนเมื่อสแกน QR CODE บนป้าย จะพบว่าไอเดียสุดปังนี้ เป็นหนึ่งในแคมเปญ จากร้านอาหาร On the Table และถือเป็นอีกตัวอย่างเปิดตัว ‘โต๊ะจัง’ ได้น่าสนใจและน่าติดตาม เพราะที่ผ่านมา เรามักจะเห็นการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ผ่านหนังโฆษณา แต่โต๊ะจังเปิดตัวปังแบบไม่พึ่งเวทีและไม่มีหนังโฆษณา

หลังจากนั้น “โต๊ะจัง” ก็เลือกเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในรายการ “วัน กรรชัย” สัมภาษณ์ในฐานะสาวที่รับงานเอ็น กับ “หนุ่ม กรรชัย” ด้วยแนวคิดนี้เองจึงเกิดกระแสที่พี่หนุ่มสร้างความฮา ถูกอกถูกใจชาวเน็ต จนชาว TikTok แห่แคป แห่แชร์ จนเอาน้องโต๊ะจัง สาวหุ่นโต๊ะ จากร้าน On the Table ได้รับความสนใจไปตามๆ กัน

‘ฝากตัวน้องใหม่ แบบ WIN-WIN’

‘โต๊ะจัง’ สร้างกระแสอีกครั้ง ด้วยการใช้การตลาดแบบน่ารักตะมุตะมิ ฝากตัวร้านคู่แข่ง ทำให้ชาวเน็ตแห่เอ็นดู! โดยการร่อนจดหมายหลายสิบฉบับ ส่งตรงถึงร้านอาหารดังมากมายให้มาร่วมโต๊ะที่ On the Table ไม่ว่าจะเป็น Burger King, Bar B Q Plaza, Dairy Queen, KFC, LINE MAN, McDonald’s, สุกี้ตี๋น้อย, MK, Jones Salad, Swensen’s, Starbucks และ เพนกวิน ชาบู

ถ้าใครได้ติดตามจดหมายจะพบเนื้อหาสุดสร้างสรรค์ เพราะเนื้อหาจดหมายไม่ใช่เป็นแค่คำเชิญธรรมดาๆ แต่ยังฉีกกฏด้วยความกล้า ‘ขายเมนูขายดีให้กับคู่แข่ง’ พร้อมแทรก ‘ขายเมนูของตัวเอง’ แบบน่ารักน่าชัง เรียกว่าเป็นการฝากเนื้อฝากตัว แถมยังฝากเมนูแบบครีเอท จนหลายแบรนด์ดังร่วมตอบกลับ จดหมายเชิญ “โต๊ะจัง” อย่างสนุกสนาน จนทำให้ร้านอาหารทั้งตลาดกลับมาคึกคัก

เรียกว่าเป็นผลลัพธ์แบบ Win-Win ทำเอาแฟนๆ ของทุกแบรนด์ท้องร้องไปตามๆ กัน มากกว่านั้นกระแสยังดัง ข้ามตลาดอาหารไปจนถึงธุรกิจธนาคารอย่าง CIMB เข้ามาร่วมกระแสด้วย   
   
“โต๊ะจังถูกออกแบบเพื่อให้เป็นตัวแทนในการสร้าง Consumer Engagement ในทุกๆ มิติ ทั้ง Out store ที่ได้มี การส่งออกจดหมายแนะนำตัวกับรุ่นพี่ Mascot แบรนด์ดัง และ In store น้องโต๊ะจังได้เข้าไปโชว์ตัวในเล่มเมนูทั้งหมด และเตรียมพร้อมที่จะออกมานั่งต้อนรับลูกค้าประจำอยู่ในทุกสาขา รวมไปถึงการปรากฏตัวบนโซเชียลฯ ในหลากหลายแพลตฟอร์มหลังจากนี้อีกด้วย และที่สำคัญคือการวางบทบาทที่ชัดเจนของน้องโต๊ะจังกับการเป็น Admin ประจำใน Facebook: On the Table, Tokyo Cafe ในสไตล์ที่แสนยียวนแต่ชวนให้เอ็นดู พร้อมด้วย การสร้างคอนเทนต์สนุกๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกเพจ แล้วในอนาคตโต๊ะจังก็อาจจะแวะไปชิทแชทกับเพจต่างๆ ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เราก็เชื่อว่าการตลาดแบบน่ารักของแบรนด์ On the Table ที่เกิดขึ้นในปีนี้ สามารถตอกย้ำ ภาพจำแบรนด์ที่สร้างความสุขบนโต๊ะอาหาร ตามความเชื่อที่ว่า Happiness is On the Table ได้เป็นอย่างดี” คุณมยุรี กล่าวทิ้งท้าย

แน่นอนว่า คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง เป็นเพียงส่วนแรกเริ่มที่จะสะกิดต่อมสร้างความน่าสนใจให้กับ On the Table และพาน้องโต๊ะจังให้เข้าไปตั้งโต๊ะอยู่ในใจของสายกินหลายๆ คน และก็ยังมีอีกหลากหลายกลยุทธ์ การตลาดที่เตรียมไว้เพื่อสร้างสีสันให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรักษามาตรฐานในเรื่องการบริการ และคุณภาพอาหาร เมนูอัพเดตใหม่ที่มีความหลากหลาย เพื่อให้แบรนด์ยังคงเป็น Top of Mind Brand ที่ลูกค้าต้องนึกถึงในอันดับต้นๆ ต่อไป


 
11 กรกฎาคม 2565
เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ เซ็น กรุ๊ป จับมือ 3 แบรนด์ไทยในเครือ ตำมั่ว ร้านอาหารไทยอีสานรสจัดจ้าน, ลาวญวน ร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์อีสาน-เวียดนาม และเขียง ร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ด ร่วมกันสนับสนุนเกษตรกรไทย ชูผลผลิตที่มีคุณภาพจากเกษตรชุมชน ตอกย้ำนโยบาย ZEN CARE (3P : Planet Care, People Care, Prosperity Care) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) 

คุณจอมขวัญ จิราธิวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทาง เซ็น กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ผ่านมื้ออาหารที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สิ่งนี้จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการสนับสนุนเกษตรกรไทยและอุดหนุนผลผลิตของเกษตรชุมชนในครั้งนี้ด้วย โดยมีการเลือกใช้ผลผลิตของเกษตรชุมชนมาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของร้าน ตำมั่ว ลาวญวน และเขียง ที่เป็นแบรนด์ไทยในเครือด้วย”

ผลผลิตของเกษตรชุมชน กับ 3 เมนูพิเศษ ใน 3 ร้านอาหารแบรนด์ไทยในเครือ เซ็น กรุ๊ป

·      แตงโมไร้เมล็ด : เมนู “แตงโมปั่น” จากร้าน ตำมั่ว เนื้อแตงโม 100% โดยเลือกใช้แตงโมไร้เมล็ดจากไร่ โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อำเภอท่าอุเทน ด้วยสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของจังหวัดนครพนม ทำให้ได้แตงโมอร่อยหวานฉ่ำ คงคุณค่าและประโยชน์เท่ากับการกินแตงโมผลสดๆ

·    เต้าหู้ : เมนูเด็ดจากร้านลาวญวน “เต้าหู้ทอด (คลองแงะ)” โดยนำของดีของชุมชนคลองแงะ จังหวัดสงขลา ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อสัมผัสที่เหมือนเนื้อคัสตาร์ด นำมาทอดให้เนื้อเต้าหู้ด้านนอกมีความกรอบ แต่ด้านในยังมีความนุ่มละมุนลิ้น พร้อมราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ด หวาน เผ็ด และหอมถั่วลิสงคั่วบด

·    ทุเรียนและข้าว : ร้านเขียงได้รังสรรค์เมนูใหม่ “กะเพราทุเรียน” โดยนำวัตถุดิบทุเรียน ส่งตรงจากภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด ส่วนวัตถุดิบข้าวจากชุมชนโคกนาศัย จังหวัดสระบุรี มารวมกับรสชาติกะเพราหมูของไทยที่มีรสจัดจ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านได้อย่างลงตัว

คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลผลิตของเกษตรชุมชนเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพและยังมีหลากหลายประเภทที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทีมงานของเรายังคงเฟ้นหาวัตถุดิบอื่นๆ ที่มีคุณภาพจากเกษตรชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมารังสรรค์เป็นเมนูใหม่ๆ ในร้านให้ได้เสิร์ฟทั้งความอร่อยและเสิร์ฟความสุขใจให้กับลูกค้าทุกคนไปพร้อมกัน ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยต่อไป”
 
8 กรกฎาคม 2565
เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ เซ็น กรุ๊ป เดินหน้าผลักดันนโยบาย ZEN CARE โดยให้ความสำคัญกับ 3P คือ Planet Care - ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, People Care - พัฒนาชุมชนและสังคม, ProsperityCare – เศรษฐกิจยั่งยืน ผ่านร้านอาหาร 
เซ็น เรสเตอร์รอง มุ่งเน้นเรื่องการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลดการสร้างขยะ เพื่อคืนคุณค่าสู่สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับ ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เป็นมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจขององค์กร

คุณจอมขวัญ จิราธิวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่ทาง เซ็น กรุ๊ป ประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เราจึงได้มีการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมตามความถนัดและความเหมาะสมของธุรกิจให้ได้มากที่สุด เพื่อสิ่งเหล่านี้จะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการปลูกฝัง DNA การร่วมทำความดีของพนักงานทุกคนในองค์กร เพราะความรับผิดชอบต่อสังคมก็คือความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ทั้งในมุมขององค์กรเองก็ได้มีการชดเชยจากกิจกรรมการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นขององค์กร ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่เอื้อประโยชน์ต่อชุมชน และในส่วนของร้านอาหารก็ได้มีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีส่วนที่สามารถนำมารีไซเคิลเพื่อลดปริมาณขยะได้ โดยให้พนักงานภายในร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง และร้านอาหารอื่นๆ ในเครือทุกคน ช่วยกันคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ ทั้งขยะเปียก ขยะทั่วไป การแยกถุงพลาสติก เพื่อนำส่งให้โครงการวน และการแยกขวดพลาสติก เพื่อเข้ากระบวนการนำไปรีไซเคิลต่อไป”

ในกระบวนการรีไซเคิลต่อมา ทาง เซ็น เรสเตอร์รอง ก็ได้มีการทำชุดพนักงานใหม่ขึ้น ภายใต้แนวคิด SAVE THE WORLD ซึ่งถูกผลิตโดย อินโดรามา เวนเจอร์ส ผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยกระบวนการรีไซเคิลขวดพลาสติกชนิด PET กว่า 230,000 ขวด นำมาผลิตเป็นเส้นด้ายคุณภาพสูงโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับโลก แล้วนำมาทอเป็นผ้า เพื่อตัดเย็บเป็นชุดพนักงานได้ทั้งหมด 6,100 ชุด ที่มีคุณสมบัติในการสวมใส่ที่สบาย ยืดหยุ่นเหมาะสมกับการทำงานและยังมีความแข็งแรง ทนทาน อีกทั้งงานออกแบบชุดพนักงานนี้ ยังเป็นผลงานการออกแบบโดยผู้ชนะการประกวดที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ ZEN UNIFORM DESIGN CONTEST ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย

“ชุดพนักงานใหม่นี้ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทหน้าที่ในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเน้นย้ำเรื่องการจัดการปัญหาขยะพลาสติกด้วย เราจะเริ่มทยอยส่งมอบให้กับพนักงาน เซ็น เรสเตอร์รอง ให้ครบทั้ง 43 สาขาภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้พนักงานทุกคนได้ใส่ชุดที่มีความทันสมัย สวยงาม และรู้สึกดีต่อจิตใจ เพราะพนักงานของเราทุกคนมีความตั้งใจและให้ความร่วมมือในส่วนการคัดแยกขยะภายในร้านเป็นอย่างดี ทาง เซ็น กรุ๊ป เอง ต้องขอบคุณพนักงานทุกคนของเราด้วยเช่นกัน” คุณจอมขวัญ กล่าวทิ้งท้าย
 
21 มิถุนายน 2565
เขียง แบรนด์ร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ด ในเครือ เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ เซ็น กรุ๊ป ที่มีทั้งสาขาที่ลงทุนเองและ
แฟรนไชส์ รวมกว่า 90 สาขาทั่วประเทศ จัดเซอร์ไพรส์วงการสตรีทฟู้ด เปิดตัวเมนู “ข้าวกะเพราทุเรียน” ครั้งแรกกับการนำทุเรียนที่เป็นวัตถุดิบยอดฮิต ของดีเมืองจันท์ มาผสมผสานลงในเมนูซิกเนเจอร์ กะเพราหมู ของร้านเขียงได้อย่าง
ลงตัว และถึงแม้จะเป็นเมนูใหม่ แต่ก็ยังคงรสชาติที่คนไทยคุ้นเคย

คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกเมนูกะเพราทุเรียนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของแบรนด์เขียงที่คัดสรรวัตถุดิบยอดนิยมที่เป็นราชาผลไม้อย่างทุเรียน มารวมกับกะเพราหมูของไทยที่มีรสจัดจ้าน กลายเป็นส่วนผสมที่มีรสชาติลงตัว และด้วยแนวคิดที่เกิดขึ้นนี้ ยังเป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจของทางแบรนด์ที่อยากจะพัฒนาเมนูอาหารและ
มอบประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมกับตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในหลากหลายรูปแบบให้ได้มากที่สุด”

ความพิเศษของเมนู “ข้าวกะเพราทุเรียน” คือการเสิร์ฟด้วยข้าวหอมเรียงเม็ดสวย พร้อมกับหมูสับเนื้อนุ่มๆ และทุเรียนห่าม หั่นเป็นแว่น ชิ้นพอดีคำ โดยได้แรงบันดาลใจจากภาคตะวันออกที่นิยมนำทุเรียนห่ามมาปรุงเป็นอาหาร เพื่อเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบในเมนูนั้นๆ ได้ แล้วนำมาผัดคลุกเคล้าไฟแรงแต่งเติมรสให้จัดจ้าน ผัดคั่วพริกแห้ง พริกสด พร้อมใบกะเพราหอมๆ รวมถึงองค์ประกอบในจานที่มีสีสันสะดุดตา ด้วยความแดงของพริก ความเขียวของใบกะเพรา และสีเหลืองของทุเรียนห่าม ทำให้เมนูนี้ครบเครื่อง ทั้งรูปลักษณ์ที่มีสีสันสวยน่ารับประทาน พร้อมเพลิดเพลินกับรสสัมผัสในแต่ละคำ และหอมกลิ่นทุเรียนติดปลายลิ้น จึงรับประกันได้ว่าเมนูนี้จะประทับใจคนรักทุเรียนอย่างแน่นอน

“แบรนด์ เขียง ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารที่เสิร์ฟความอร่อยเท่านั้น แต่พร้อมเสิร์ฟความสุขใจในการที่ได้สนับสนุนเกษตรกรไทย และอุดหนุนผลผลิตจากเกษตรชุนชนด้วย ทั้งวัตถุดิบข้าวจากชุมชนโคกนาศัย จังหวัดสระบุรี และวัตถุดิบทุเรียน ส่งตรงจากภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังมีแผนที่จะให้การสนับสนุนและเฟ้นหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพของเกษตรกรไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยต่อไป” คุณศิรุวัฒน์ กล่าวเสริม

เมนูกะเพราทุเรียน เรียกได้ว่าเป็น Seasonal Product ที่หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียว แถมยังมีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร จำหน่ายเฉพาะฤดูกาลทุเรียน ตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2565 ถึง 15 สิงหาคม 2565 นี้เท่านั้น 

มาลองพิสูจน์ความอร่อยของเมนูใหม่นี้ ได้ที่ ร้าน เขียง ทุกสาขา และโทรสั่งผ่านบริการเดลิเวอรี 1376 หรือสั่งผ่านแอพพลิเคชั่นสำหรับสั่งอาหารชั้นนำ คลิก https://linktr.ee/khiangbytummour