TH
ข่าวสารล่าสุด
เซ็น กรุ๊ป ดึงอินไซต์ลูกค้า สร้าง Emotional Marketing คิกออฟแคมเปญส่งท้ายปี ครีเอทโมเม้นต์ความสุขผ่านมื้ออาหาร
เซ็น กรุ๊ป ส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าช่วงปลายปีกับการครีเอทโมเม้นต์ดี ๆ ผ่านมื้ออาหารจากแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือ ภายใต้กลยุทธ์ Emotional Marketing ที่จะดึงอินไซต์ลูกค้ามาต่อยอดสู่แคมเปญส่งท้ายปีที่จะสร้างคุณค่าให้กับการทานอาหารและช่วยเติมเต็มความสุขทางใจที่มากกว่าแค่ความอร่อย เพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าเดิมและขยายโอกาสสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อยากร่วมฉลองปีใหม่ไปพร้อมกัน

คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงปลายปี 2567 พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสะท้อนถึงการปรับตัวต่อสภาพเศรษฐกิจและไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงมีการใช้จ่ายกับร้านอาหารอยู่ โดยเฉพาะร้านที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวก ความคุ้มค่า และประสบการณ์ที่ดี รวมถึงคุณค่าที่ได้รับจากการทานอาหาร ส่งผลให้ช่วงปลายปีนี้แคมเปญส่งท้ายปีของแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือ จึงใช้กลยุทธ์ Emotional Marketing โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความเข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนพิเศษของเรา เริ่มต้นตั้งแต่การดึงข้อมูลอินไซต์ของลูกค้ามาต่อยอดด้านเมนูอาหาร สร้างความประทับใจตลอดการใช้บริการ และร่วมสร้างโมเม้นต์ดี ๆ แห่งความสุขด้วยกัน

“เพราะเราเชื่อว่าอาหารให้มากกว่าแค่ความอร่อย”
‘ปลาแซลมอน’ เป็นวัตถุดิบที่ขายดีที่สุดในร้าน ‘ZEN’ ซึ่งมียอดการสั่งมากกว่า 30% และคาดว่าจะมากขึ้นในทุกปี อีกทั้งในช่วงที่ออกเมนูใหม่ Salmon Freshtival เมื่อปี 66 ที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วงปลายปีนี้ แบรนด์จึงนำวัตถุดิบ ‘ปลาแซลมอน’ ยกเป็นตัวแทนของการเฉลิมฉลองภายใต้แคมเปญ Oshogatsu Blessings เปิดรับสิ่งดี ๆ สู่ปีแห่งความมงคล พร้อมดึงดูดให้ลูกค้านัดรวมตัวฉลองกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนพิเศษ กับ 7 เมนูพิเศษที่ห้ามพลาด คือ แซลมอนเซริวมากิ, แซลมอนโคโรเกะอโวคาโมเล่, ปลาแซลมอนชิตาเกะย่างใบโฮบะ, แซลมอนซาชิมิ 5 สไตล์, เครซี่แซลมอนซาชิมิ, แซลมอนและท้องแซลมอนทอดผัดพริกเกลือกระทะร้อน
นอกจากเมนูอาหารที่อร่อยแล้ว ยังรับฟรี Rakki Hoodie แมวซูชินำโชค เมื่อสั่งเมนูในแคมเปญนี้ จำนวน 1 เมนู ร่วมกับเมนูอื่น ๆ ภายในร้านครบ 2,200 บาท และรับ Origami Bird นกกระเรียนพับฝีมือน้อง ๆ เด็กพิเศษจากมูลนิธิสถาบันแสงสว่างที่ตั้งใจมาร่วมอวยพรลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยไอเดียนกกระเรียนพับนี้มาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘นกแห่งความสุข โชคลาภ และการมีอายุยืนยาว’ แคมเปญเริ่ม 21 พฤศจิกายน 2567 – 17 กุมภาพันธ์ 2568

‘พาสต้า’ เมนูเส้นที่ขายดีที่สุดในร้าน ‘On the Table’ การันตีจากยอดขายการสั่งเฉพาะเมนูพาสต้าสูงถึง 13% ทำให้แคมเปญช่วงปลายปีนี้แบรนด์ตัดสินใจออกเมนูเป็นพาสต้าล้วน เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ หลายหลายรสชาติในครั้งเดียว จนเกิดเป็นแคมเปญยกขบวน ‘Pasta Parade’ ส่งท้ายสิ้นปีกับโต๊ะจัง นำทีมโดย ‘เฟตตูชินี่เพสโต้ทรี’ ที่ออกแบบเป็นพาสต้าต้นคริสต์มาส ใส่ซอสเพลสโต้ให้เป็นสีเขียว ประดับด้วยสม๊คแซลมอน กุ้งย่าง หอยโฮตาเตะ ท็อปปิ้งเพิ่มความฟินด้วยชีสเฟต้าสวยงามดุจเกล็ดหิมะ แถมยังมีอีก 3 เมนูพาสต้า คือ อูด้งเมนไตโกะคาโบนาร่า, คาเปลลินี่เย็นซีฟู้ด, เฟตตูชินีมิโสะบัตเตอร์และแซลมอนอบซอสเนยกระเทียม และเมนูของหวาน โทสต์เอิร์ลเกรย์บานาน่า รวมถึงเครื่องดื่มอย่าง เวอร์จิ้นไวท์แซงเกรีย อีกทั้งยังมีคลิปวีดีโอสั้นที่ถ่ายทอดมุมมองเรื่องความสุขบนโต๊ะอาหาร ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กที่วาดต้นคริสต์มาสลงบนกระดาษ ต่อยอดสู่เมนูไฮไลท์พาสต้าต้นคริสต์มาสให้ได้ชมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทางแบรนด์ตั้งใจสร้างสรรค์มื้ออาหารแห่งการเฉลิมฉลองและเพิ่มสีสันให้เทศกาลส่งท้ายปีได้อย่างสมบูรณ์แบบ แคมเปญเริ่ม 2 ธันวาคม 2567 – 31 มีนาคม 2568

‘ชีส’ เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกสนุก ตรงกับคาแรคเตอร์ของ ‘AKA’ ยากินิกุ ที่จับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว ที่อยากมาตะลุยกินปิ้งย่างแบบบุฟเฟต์สุดคุ้ม จากข้อมูลพบว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีการสั่งเมนูชีสกว่า 10% จากออเดอร์ทั้งหมด ทำให้ช่วงปลายปีนี้แบรนด์ได้ออกแคมเปญ ‘ชีสนัว’ ครีเอทเมนูใหม่จากชีสกว่า 18 เมนู อาทิ 3 เมนูชีสดิป ชีสฟองดูว์, ชีสโรเซ่ฟองดูว์, ชีสทรัฟเฟิลฟองดูว์, เบคอนเนื้อ AUS พันชีส, เนื้อแกะพันชีสหม่าล่า, หอยเชลล์ย่างชัสทรัฟเฟิล, หอยเชลล์ย่างสไปซี่มิโสะชีส, กุ้งแม่น้ำชีสทรัฟเฟิล, ทรัฟเฟิลแมคแอนด์ชีส, กุ้งแม่น้ำสไปซี่มิโสะชีส และมะนาวช็อตครีมชีส เป็นต้น จนเป็นอีกหนี่งปรากฏการณ์ที่เรียกได้เต็มปากว่า ‘บุฟเฟต์ชีส’ ลูกค้าสั่งชีสมาเต็มโต๊ะเลยทีเดียว คุ้มค่าทั้งราคา คุณภาพวัตถุดิบ และสร้างโมเม้นต์แห่งความสนุกร่วมกันในช่วงส่งท้ายปีได้เป็นอย่างดี แถมยังกระตุ้นให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ในเรื่องความสนุกได้อย่างขึ้นใจ แคมเปญเริ่ม 15 ตุลาคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2568

‘วัตถุดิบตามฤดูกาล’ เป็นเสน่ห์ของร้าน ‘Sushi Cyu’ ที่นำเสนอความพิเศษของโอมากาเสะซูชิ ด้วยการเปิดประสบการณ์รสสัมผัสแห่งฤดูหนาว ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศประจำฤดูกาล อาทิ ปูขนญี่ปุ่น, อังกิโมะ ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล”, เสปิร์มไข่ปลาคอต, ไข่หอยเม่นจากฮอกไกโด และวัตถุดิบอีกมากมายมาให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำกับโอมากาเสะสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ ลิ้มลอง Winter Omakase Course ตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568

“แคมเปญเหล่านี้เกิดจากความตั้งใจที่อยากจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ ความรู้สึก และประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจ และสร้างการจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกแบรนด์ในเครือของเราจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในทุกช่วงเวลาสำคัญของลูกค้าคนพิเศษของเรา คาดว่าในช่วงส่งท้ายปีจะสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดร้านอาหารอย่างคึกคักแน่นอน” คุณศิรุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line @ZENGroupT
4 ธันวาคม 2567
อ่านเพิ่มเติม
11 พฤษภาคม 2564
พัชนีวรรณ ตันประวัติรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Zen Group เปิดตัวระบบ CRM ใหม่ ด้วย Application ‘Zen Group Sookciety’ สุขคุ้มในแอปเดียว ครั้งแรกที่รวมสิทธิประโยชน์ของสมาชิกทั้ง 4 แบรนด์ญี่ปุ่นของ Zen Group มาไว้ในแอปเดียว ซึ่งนอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่เป็นลูกค้าของร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ของ Zen Group ให้สามารถเลือกรับประทานเพื่อสะสมคะแนนและใช้ส่วนลดที่ร้านไหนก็ได้แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของกลยุทธ์สร้าง Omni Channel ของ Zen Group ผ่าน Big Data ที่จะทำให้ Zen Group  สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างโดนใจ และด้วยกลยุทธ์ Omni Channel นี้ Zen Group ยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาจากการเชื่อมโยงช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและสิทธิประโยชน์สูงสุดในทุกช่องทางการให้บริการของ Zen Group

สมาชิก Zen Group Sookciety แอปพลิเคชั่น สามารถสะสมแต้มและรับส่วนลดได้ทุกแบรนด์ที่เข้าร่วม ได้แก่ ZEN, AKA, On the Table, Din’s เพียงสมัครสมาชิก 200 บาท และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น รับฟรีคูปองส่วนลด  มูลค่า 1,570 บาท สะสมคะแนนผ่านแอปพลิเคชันเพื่อรับส่วนลด โดยทุกๆ การใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน และทุกๆ 200 คะแนน แลกรับส่วนลด 100 บาท นอกจากนั้นยังได้รับส่วนลดพิเศษ 15% ในเดือนเกิดพร้อมฟรีเมนูพิเศษเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป เรียกว่าเอาใจสายกินได้ฟินแบบคุ้มค่า เห็นทียอดสมาชิก Zen Group Member โตทะลุเป้าหมายอย่างแน่นอน
7 พฤษภาคม 2564
“เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป” หรือ ZEN ประกาศงบไตรมาส 1/64 ทำรายได้รวม 605.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 28.5 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 มุ่งนำเสนอโปรโมชั่นตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า มุ่งเน้นบริการเดลิเวอรี่และแพลตฟอร์มออนไลน์ ชูโมเดลแฟรนไชส์ขยายสาขา มั่นใจหากสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่คลี่คลาย  พฤติกรรมนั่งทานในร้านจะกลับมา

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม – มีนาคม 2564) กำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 28.5 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 605.1 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้  643.7 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานของเซ็นกรุ๊ปที่มีกำไรฟื้นตัว เป็นผลจากบริษัทฯ ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา โดยมุ่งนำเสนอโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การขยายสาขาภายใต้โมเดลแฟรนไชส์ การมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการเดลิเวอรี่และแพลตฟอร์มออนไลน์ 

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เซ็น เรสเตอร์รอง มุ่งสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้า โดยจัดแคมเปญ ‘ZEN Premium Buffet’ ในราคาคนละ 599 บาท เป็น Value Promotion ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม สามารถเพิ่มยอดขายร้านอาหารญี่ปุ่น ZEN เติบโตจากช่วงไตรมาสเดียวกันปี 2563 ถึง 20% และได้จัดแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขายในไตรมาส 2 ส่วนร้าน ‘เขียง’ สามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ได้อย่างรวดเร็วและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้บริการเดลิเวอรี่ เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมมาสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน 

ส่วนธุรกิจรีเทลหรืออาหารค้าปลีกมียอดขายเติบโตได้ดี เนื่องจากผู้บริโภคส่วนหนึ่งซื้ออาหารกลับไปรับประทานหรือปรุงเองที่บ้าน และในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท เค.เอส.เอฟ. ฟู้ดส์ โปรดักส์ จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (ZEN and Kosum Interfoods Co.,Ltd) เพื่อต่อยอดขยายธุรกิจอาหารค้าปลีก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องปรุงรสเพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเติบโตจากการขยายสาขาร้านอาหารแบรนด์อื่นๆ ในเครือเซ็น กรุ๊ป อาทิ เขียง, อากะ โดยได้ขยายร้านเขียงในรูปแบบโมเดลแฟรนไชส์ได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้น 10 สาขา และวางแผนเปิดเพิ่มอีก 15-20 สาขา ในช่วงไตรมาสที่ 2/2564

“ผลดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา สะท้อนว่าธุรกิจร้านอาหารของบริษัทฯ สามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการล็อกดาวน์ 14 วัน ในพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรีและเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้มากนัก เนื่องจากบริษัทฯ มีการให้บริการเดลิเวอรี่และนำเสนอโปรโมชั่นที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะกลับมาใช้บริการนั่งทานในร้านอาหารเครือเซ็นกรุ๊ปเช่นเดิม” นายบุญยง กล่าว
5 พฤษภาคม 2564
นายไพฑูรย์ ทวีผล (กลาง) ประธานคณะกรรมการ นายบุญยง ตันสกุล (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายสตีเว่น เดวิด ฮอร์ลิเดร์ (ซ้ายสุด) กรรมการ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทฯ ร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในรูปแบบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผู้ถือหุ้นได้รับทราบผลการดำเนินงานปี 2563 และอนุมัติงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการปี 2563 ของบริษัทฯ พร้อมรับทราบการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
9 เมษายน 2564
เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปหรือ ZEN เปิดตัวแบรนด์ โต้รุ่งรวมเมนูซิกเนเจอร์จากร้านอาหารดังพื้นบ้านต่างจังหวัด ชูคอนเซ็ปต์ ร้านที่มีแต่ครัว (Ghost Kitchen) ให้บริการแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ ตั้งแต่ 08.00 - 23.00 . นำร่องเปิดบริการสาขาแรกปากซอยอ่อนนุช 17 พร้อมเสิร์ฟความอร่อย 6 เมนูเด็ด คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20 %

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารริมทาง หรือ Street Food ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการปี 2564 จะมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 340,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 270,000 ล้านบาท มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 103,000 ร้านทั่วประเทศ ด้วยศักยภาพของธุรกิจร้านอาหารสตรีทฟู้ด บริษัทฯ จึงแตกโมเดลใหม่ แบรนด์ ‘โต้รุ่ง’โดยรวบรวมเมนูซิกเนเจอร์ร้านอาหารดังพื้นบ้านจังหวัดต่างๆหลากหลายสไตล์ให้บริการรูปแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ (Take Home)

สำหรับแบรนด์ ‘โต้รุ่ง’ วางคอนเซ็ปต์เป็นร้านอาหารที่มีเฉพาะครัวโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน (Ghost Kitchen) โดยช่วงแรกเปิดตัว 6 เมนูเด็ด ได้แก่ เมนูข้าวผัดโบราณ, ปากหม้อนครพนม, ยำปลาร้าหอมสารคาม, ไก่ทอดหาดใหญ่, ต้มเลือดหมูปทุมธานี และโจ๊กปทุมธานี ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาท ซึ่งคัดสรรจากร้านอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดัง ที่มีมาตรฐานการปรุงอาหารสะอาดและปลอดภัยภายใต้ราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกับใช้เชฟที่ผ่านการอบรมสูตรอาหารลับเฉพาะกับแต่ละร้านอาหาร เพื่อสามารถส่งต่อตำนานความอร่อยเปรียบเสมือนไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง และเพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคสามารถสั่งเมนูอาหารหลากสไตล์ได้ในครั้งเดียว

ทั้งนี้บริษัทฯ นำร่องเปิดสาขาแรกที่ซอยอ่อนนุช17 และวางแผนเปิดให้บริการสาขาที่ 2 ที่ซอยสุขุมวิท 20 ในรูปแบบเดลิเวอรี่ ตั้งแต่ 08.00 – 23.00 น. โดยประเดิมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์และรองรับความต้องการสั่งอาหารกลับไปรับประทานในช่วงวันหยุดยาวและตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ต้องการเดินทาง ซึ่งสามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชั่น Grab food ,Line man, foodpanda, gojek, Robinhood หรือ โทร.02 331 1722 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20 % และในเร็วๆ นี้เตรียมทดลองเปิดเมนู ‘โต้รุ่ง ’ ในรูปแบบนั่งรับประทานภายในร้านเขียง สาขาอาคารเกษรทาวเวอร์ เพื่อขยายสู่โมเดลการนั่งรับประทานที่ร้านในอนาคต

 
2 เมษายน 2564
หลังประกาศร่วมทุนลุยธุรกิจเครื่องปรุงรสเพื่อปลุกปั้นขาธุรกิจอาหารค้าปลีก ‘บุญยง ตันสกุล’ ซีอีโอ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN เดินหน้าคิกออฟแผนการตลาดช่วงไตรมาส 2 ประเดิมต้อนรับซัมเมอร์และเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ร้าน On the Table, Tokyo Cafe รุกเสิร์ฟ 6 เมนูใหม่ ภายใต้ธีม ‘Spicy Thai Twist’ อร่อยลงตัวกับอาหารไทยฟิวชั่นด้วย 4 เมนูใหม่สุดแซ่บ ทั้งสลัดคาลามารี่แซ่บ สปาเก็ตตี้สไปซี่ไส้กรอกอีสาน ข้าวแมวแซลมอน  พิซซ่าต้มยำไส้กรอกดูโอ้ พร้อมส่งเครื่องดื่มคลายร้อน 2 เมนูใหม่ ชาไทยอาราบิก้าและชาไทยยูซุโฟลต สำหรับลูกค้าที่มองหาเซ็ตสุดคุ้ม Your Sharing Set ซึ่งสามารถครีเอตมื้อพิเศษ เลือกอร่อยได้ตามสไตล์ กับ 3 เซ็ตพิเศษ เริ่มต้นที่ 499 - 899 บาท ลิ้มลองความแซ่บได้แล้วที่ ออนเดอะเทเบิ้ล โตเกียวคาเฟ่ ทุกสาขา ตั้งแต่ 1 เม.ย.- 31 พ.ค. 2564 นี้ เชื่อว่าเมนูใหม่สุด ว้าว ! จะสร้างสีสันในช่วงซัมเมอร์เพื่อปั๊มยอดขายไตรมาส 2 ได้อย่างแน่นอน 
25 มีนาคม 2564
เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปหรือ ZEN ผนึก เค.เอส.เอฟ ฟู้ดส์ โปรดักส์ ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสรายใหญ่จากจังหวัดมหาสารคาม ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยขยายธุรกิจอาหารค้าปลีกและเครื่องปรุงรสในไทยและต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และรับจ้างผลิตแก่ผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ ชี้เป็นตลาดใหญ่ที่มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมต่อยอดใช้เป็นครัวกลางในการผลิตเครื่องปรุงรสป้อนร้านอาหารในเครือ

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ ได้อนุมัติเข้าลงทุนในบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (ZEN and Kosum Interfoods Co.,Ltd หรือ ZEN.K.C) โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 51% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และบริษัท เค.เอส.เอฟ ฟูดส์ โปรดักส์ จำกัด ถือหุ้น 49%  โดยบริษัท เค.เอส.เอฟ ฟู้ดส์ โปรดักส์ ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสรายใหญ่จากจังหวัดมหาสารคามที่มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนาน

การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของเซ็น กรุ๊ป โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจอาหารและค้าปลีกของบริษัทฯ อย่างเต็มรูปแบบทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งการผลิตครื่องปรุงรสต่างๆ ทั้งที่ทำตลาดอยู่แล้วในปัจจุบัน อาทิ น้ำปลาร้า, น้ำจิ้ม, น้ำยำ, แจ่วบอง ฯลฯ และที่จะพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต อาทิ น้ำปลาร้า (ผสมกัญชา) ฯลฯ โดยการรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่ผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก และวางแผนขยายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ 

ขณะเดียวกัน จะทำให้บริษัทฯ สามารถต่อยอดขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน โดยจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์พัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น การต่อยอดนำเมนูอาหารอาหารไทยตามสั่งมาพัฒนาเป็นอาหารบรรจุกระป๋องพร้อมทาน เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่แก่ผู้บริโภคและเสริมศักยภาพบริษัทฯ ในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Service) ที่มีความหลากหลาย

นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนให้บริษัทฯ ร่วมทุนดังกล่าวเป็นครัวกลาง สำหรับการผลิตเครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อป้อนให้แก่ร้านอาหารในเครือเซ็น กรุ๊ป ซึ่งมีความต้องการใช้เครื่องปรุงรสในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งรองรับแผนงานขยายธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะต้องขยายสาขาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต 

“หลังจากนี้เราวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสต่างๆ อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน ออกสู่ตลาดอย่างเต็มที่ ผ่านช่องร้านอาหารในเครือเซ็น กรุ๊ป และช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีก โมเดิร์นเทรด จึงวางเป้าหมายว่ากลุ่มธุรกิจอาหารค้าปลีกจะกลายเป็นธุรกิจหลักที่สามารถสร้างยอดขายเติบโตก้าวกระโดด” นายบุญยง กล่าว

ด้านนางวีรดาอร พึ่งโพธิ์เจริญพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.เอฟ.เอส ฟู้ดส์ โปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ประกอบธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลาร้า มากว่า 20 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ‘ภา-ทอง’ และรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์อื่นๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามหลักสากล เช่น มาตรฐาน GMP, HACCP เป็นต้น พร้อมทั้งได้รับใบอนุญาตส่งออกสินค้าในภูมิภาคต่างๆ

ขณะที่ความร่วมมือทางธุรกิจกับเซ็น กรุ๊ป ครั้งนี้ จะสามารถนำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน เพื่อขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาเครื่องปรุงรสใหม่ๆ โดยต่อยอดจากความเชี่ยวชาญที่มีอยู่เดิม เช่น การนำกัญชามาเป็นส่วนผสมเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

“การร่วมทุนกับเซ็น กรุ๊ป ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสขยายธุรกิจร่วมกัน โดยสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตกับความเชี่ยวชาญด้านการตลาด นำมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อทำตลาดในประเทศและส่งออกเป็นทางเลือกใหม่ โดยเฉพาะอาหารไทยซึ่งโด่งดังและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติอยู่แล้ว” นางวีรดาอร กล่าว