TH
ข่าวสารล่าสุด
เซ็น กรุ๊ป Q4 ปี 66 รายได้รวม 1,062 ล้านบาท อัพไซด์ค้าปลีกโต 72% ดันยอดรวมปี 66 แตะ 3,945 ล้านบาท

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โชว์งบไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นที่ธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตขึ้นกว่า 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 532 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 16% จากปี 2565 และบริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งกลุ่มบริษัท 177 ล้านบาท

คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ทางด้านเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2566 โดยรวมอุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัวจากการส่งออกภาคบริการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ทำให้รายรับการท่องเที่ยวปรับลดลง 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจร้านอาหารในช่องทางรับประทานอาหารที่ร้านเติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับรูปแบบธุรกิจ การพัฒนาแบรนด์ และการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการให้มากที่สุด และจากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจอาหารค้าปลีกเติบโตขึ้น 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน”

ในส่วนของการทำการตลาดในช่วงปลายปีก็สร้างความคึกคักให้กับตลาดช่วงปลายปีไม่น้อยเลยทีเดียว ฝั่งร้านอาหารแบรนด์ญี่ปุ่น เริ่มที่ เซ็น เรสเตอร์รอง ชูกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปี มูเก็ตติ้ง (Muketing) ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมพลังด้วยการทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Emotional กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Y - Gen Z,  ต่อมาที่ ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โต๊ะจัง พาสาว ๆ ไปพักร้อนปลายปีถึงอิตาลี กับแคมเปญชวนเฉลิมฉลอง ‘Wonderful Italian Taste with Toh Chan’ สัมผัสเมนูหลากหลายสไตล์อิตาลี โดยเน้นการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัว และพนักงานออฟฟิต, อากะ (AKA) ต่อยอดความสนุกในแคมเปญปลายปี AKA K-Series กินเกาให้เมามันส์ อัดความสุขแบบไม่อั้น ด้วย AKA Lemon Bomb หรือมะนาวช็อตบอมบ์ เครื่องดื่มปาร์ตี้สุดเกา พร้อมจัดหนักเมนูเกาหลีกว่า 36 เมนู, ทางฝั่งแบรนด์ไทย ตำมั่ว (Tummour) ส่งแคมเปญปลายปีตอกย้ำความมั่วระดับตำนาน เน้นการสร้าง Experience ใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ กับแคมเปญ ‘โคตรแซ่บ โคตรคุ้ม’ เสิร์ฟ 3 เมนู ตำโคตรมั่ว, ตำโคตรเจ้าสมุทร, ตำโคตรหมูยอ จัดหนัก จัดเต็ม แบบไม่หวงเครื่อง มาพร้อมโปรโมชั่นแลกซื้อเมนูหมูสับปลาร้าทรงเครื่อง 1 จาน เพียง 69 บาท (จากราคาปกติ 135 บาท) เมื่อซื้อเมนูตำโคตร (ที่ร่วมรายการ), เขียง (Khiang) ขอส่งเมนูใหม่แบบย้อนวันวาน วัยเด็ก เป็นแคมเปญส่งท้ายปีแบบน่ารัก ๆ กับ ‘มาม่าหน้าโรงเรียน’ 3 เมนูเด็กเส้น เครื่องแน่น ได้แก่ มาม่าหน้าโรงเรียน, มาม่าปลากระป๋อง, มาม่าต้มยำทรงเครื่อง

นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปีของทุกแบรนด์ในเครือ การขยายสาขาก็เป็นเป้าหมายหลักของ เซ็น กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่รวม 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 18 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 5 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา หากนับรวมทั้งปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 57 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 38 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 17 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 2 สาขา

โดยในช่วงไตรมาส 4 ตุลาคม - ธันวาคม ปี 2566 มีการเปิดสาขาใหม่ดังนี้ 

  • แบรนด์ อากะ (AKA) เปิด 5 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลนครศรีธรรมราช, เซ็นทรัลเวสต์ วิลล์ และเทอร์มินอล 21 พัทยา รวมสาขาของ AKA ทั้งหมดเป็น 53 สาขา และ อากะ ชาบู (AKA Shabu) 1 สาขา
  • แบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง (ZEN) เปิด 5 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ และเทอร์มินอล 21 พัทยา รวมทั้งหมดเป็น 55 สาขา
  • แบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) เปิด 4 สาขาใหม่ ได้แก่ เดอะมอลล์บางกะปิ, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ และ ลาวิลล่า อารีย์ รวมทั้งหมดเป็น 35 สาขา
  • แบรนด์ ดินส์ (Din's) เปิดเพิ่ม 1 สาขาใหม่ ได้แก่ เทอร์มินอล 21 พัทยา
  • แบรนด์ ตํามั่ว เปิดสาขาแฟรนไซส์ 2 สาขาใหม่ที่ ห้างไชยแสง สิงห์บุรี, บิ๊กซี สระบุรี และ เดอ ตํามั่ว เปิด สาขาแฟรนไซส์ 1 สาขาใหม่ ที่เซ็นทรัลเวสต์วิลล์
  • แบรนด์ สาวญวน เปิด 5 สาขาใหม่ เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลอุดร, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และสาขาแฟรนไชส์อีก 2 สาขา คือ เดอะมอลล์บางแค และเดอะมอลล์บางกะปิ
  • เขียง เปิดสาขาแฟรนไชส์ 1 สาขาต่างประเทศที่มาเลเซีย

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทมีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 341 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 182 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 149 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 10 สาขา

นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการลดปริมาณขยะ ด้วยการคัดแยกขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์หรือนำกลับมารีไซเคิล และเริ่มมีการสนับสนุนวัตถุดิบ ไข่ไก่ Cage Free โดยเริ่มนำมาใช้กับ ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง, ร้าน อากะ และ ร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล สาขา เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง สาขา เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล อีก 20 สาขาในกรุงเทพฯ ด้วย

6 มีนาคม 2567
อ่านเพิ่มเติม
On the Table ครีเอท ‘NEW VIBE’ ชู Food Creation & New Experience ดึง TOH CHAN x SISTERS เอาใจคนรุ่นใหม่ไลฟสไตล์เก๋ ทั้งสายฟู้ดส์ สายคอนเทนท์ ชวนแวะมาเช็คอิน ส่องผลงานศิลปะสุดคิ้วท์
28 กุมภาพันธ์ 2567
อ่านเพิ่มเติม
ปิ้งย่างอินเลิฟ! AKA สร้างกระแสช่วงวาเลนไทน์ ‘เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่รัก’ มอบ ‘ช่อหมูสื่อรัก’ กระชับมิตรแบรนด์คู่แข่งในตลาด แถมถูกจริตคู่รักนักปิ้ง สร้าง engagement ร่วมกันหวานฉ่ำ
12 กุมภาพันธ์ 2567
อ่านเพิ่มเติม
AKA Champion "ปิ้งจุก สุขทั่วไทย" ท้าดวลนักกินจุทั่วไทย ร่วมชิงเงินรางวัลสูงถึง 100,000 บาท
18 มกราคม 2567
อ่านเพิ่มเติม
เซ็น เรสเตอร์รอง ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมความมงคลด้วยมื้ออาหารคุณภาพกับ 5 เมนูมังกรมงคล พร้อมเช็คดวงปัง ๆ ไปกับ หมอต๊อกแต๊ก A4 หมอดูชื่อดัง
29 ธันวาคม 2566
อ่านเพิ่มเติม
25 พฤษภาคม 2566
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2566 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 913 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิทั้งกลุ่มบริษัทรวม 38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 374% จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจร้านอาหารที่เป็นจิ๊กซอว์ตัวใหญ่ที่สุดของบริษัท ยังคงครองแชมป์การเติบโตเป็นอันดับหนึ่ง และธุรกิจค้าปลีกที่ติดสปีดการเติบโตรองลงมา

คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชีบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภาพรวมของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2566 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจไทยที่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เริ่มมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการวางแผนธุรกิจของบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของสาขาเดิม พร้อมการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสร้างการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 913 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน” 

โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารที่เพิ่มขึ้น 41% เป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ออกมารับประทานอาหารภายนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับการขยายสาขาใหม่ในระหว่างไตรมาส 3-4 ของปี 2565 ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้เติบโตมากขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตขึ้น 58% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 
มาจากรายได้ของบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ที่บริษัทเข้าลงทุน 51% ในเดือนมีนาคม 2565ทำให้ในปี 2566 บริษัทรับรู้รายได้เต็มไตรมาส
ขณะเดียวกันในไตรมาส 1 ของปี 2566 บริษัทขยายสาขาใหม่กว่า 5 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 2 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 3 สาขา 
 

“นอกจากนี้ทางบริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญกับการทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค สื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแบรนด์ในเครือ พร้อมติดเครื่องเร่งสปีดดันยอดให้ได้ตามเป้ากันตั้งแต่ต้นปี คาด Q2 ปี 2566 เติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน” คุณยุพาพรรณ กล่าวทิ้งท้าย


 
3 เมษายน 2566

เซ็น กรุ๊ป ส่งร้านอาหารในเครือทุกแบรนด์อัดแคมเปญส่งท้ายปี ลงสู้ศึกแข่งเดือดธุรกิจร้านอาหารโค้งสุดท้าย พร้อมชูกลยุทธ์สร้างจุดแข็ง และมุ่งเน้นความคุ้มค่าตามพฤติกรรมที่เปลี่ยงแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่ มั่นใจมัดใจลูกค้าอัพยอดขายพุ่ง ในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวนี้ได้อย่างแน่นอน

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจในช่วงปลายปี 66 ยังคงเติบโต แต่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มีการชะลอตัวลง กำลังซื้อภายในผันผวนตามเทศกาลและวันหยุด พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมีต่อเนื่อง แต่จะมุ่งเน้นเรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการเฉลิมฉลองของกลุ่มลูกค้า ขณะเดียวกันร้านอาหารทุกประเภทแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตลาดจึงมีความคึกคัก ดังนั้นแต่ละแบรนด์จึงต้องสร้างจุดแข็งของสินค้า เพื่อให้น่าดึงดูดกับผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด”

สร้างจุดแข็ง เน้นความคุ้มค่า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

เซ็น เรสเตอร์รอง (ZEN Restaurant) จุดแข็งที่โดดเด่นของแบรนด์คือเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบระดับพรีเมียมผสมผสานทั้งเรื่องรสชาติ และ Food Presentation ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ตั้งแต่การครีเอทเมนู Lunch Set #เที่ยงนี้ที่ZEN สร้างมิติใหม่ที่กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นพนักงานออฟฟิต และตบท้ายด้วยกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปี มูเก็ตติ้ง (Muketing) ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมพลังด้วยการทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Emotional กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Y, Gen Z รวมศาสตร์ความเชื่อญี่ปุ่น เสริมดวงการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ผสมผสานศิลปะในการรังสรรค์เมนูอาหารญี่ปุ่นในคอนเซปต์มังกร ผ่าน 5 เมนูมังกรมงคล ได้แก่ ข้าวหน้าปลาดิบบาระชิราชิมังกรข้าวผัดปูชูไวไข่มังกรโรลปลาไหลและหอยเชลล์ญี่ปุ่นมังกรหีบสมบัติมังกร และ มังกรทองซาซิมิ รวม 7 อย่าง พร้อมเช็คดวงปัง ๆ ไปกับหมอดูต๊อกแก A4 หมอดูชื่อดัง สุดท้ายคือไอเทมสุดน่ารัก Lucky Dragon แมวมังกรมงคล เสริมความมงคลในปีมังกรทองนี้ เพียงสั่งเมนูมังกรมงคล 1 เมนู และอาหารอื่น ๆ ภายในร้าน ครบ 2,500 บาท รับตุ๊กตา Lucky Dragon มูลค่า 390 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ร้านอาหารเซ็น ทุกสาขาทั่วประเทศ (ยกเว้นสาขา จังซีลอน ภูเก็ต) 

ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) เน้นการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัว และพนักงานออฟฟิต ผ่านการใช้ ‘โต๊ะจัง’ แบรนด์คาแรคเตอร์ที่มาสร้างกระแสไปทั่วโซเชียล ต่อยอดสู่การผลิตมาสคอตตัวเป็น ๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่น และในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โต๊ะจัง พาสาว ๆ ไปพักร้อนปลายปีถึงอิตาลี กับแคมเปญชวนเฉลิมฉลอง ‘Wonderful Italian Taste with Toh Chan’ สัมผัสเมนูหลากหลายสไตล์อิตาลี เนรมิต New Year Party กับ 7 เมนูใหม่ สปาเก็ตตี้ซีฟู้ดบายเลคโคโมสโม๊คแซลมอนคาปาชโชว์, กุ้งผัดเนยกระเทียมอิตาเลี่ยน, สปาเก็ตตี้สโม๊คแซลมอนครีมเลมอน, รีซอตโต้เพสโต้กุ้งย่าง, เครื่องดื่มพีชอโลเวร่าโซดา, ของหวาน โทสต์ทิรามิสึ และสำหรับสมาชิก ZEN GROUP เมื่อทานอาหารครบ 1,500 บาทขึ้นไป แลกความน่ารัก กับ “TOH CHAN HOODIE BLANKET (ผ้าห่มฮูดดี้โต๊ะจัง) สมาชิกสามารถแลกคะแนน 299 คะแนน หรือ แลกซื้อเพียง 299 บาท เท่านั้น โปรโมชั่นตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 ที่ร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล ทุกสาขา 

 

อากะ (AKA) สร้างปรากฏการณ์สะเทือนตลาดปิ้งย่าง กับความสำเร็จจากแคมเปญครบรอบ 16 ปี ต่อยอดมะนาวช็อตสู่ Product Killer : AKA Long Shot มะนาวลองช็อต ที่สร้างกระแสแบบถล่มทลายทั่วโซเชียล หลังปิดจบแคมเปญ สร้าง Earned Media มูลค่าสูงกว่า 500 ล้านบาท แถมยอดขายพุ่งขึ้นกว่า 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่อยอดความสนุกในแคมเปญปลายปี AKA K-Series กินเกาให้เมามันส์ อัดความสุขแบบไม่อั้น ด้วย AKA Lemon Bomb หรือมะนาวช็อตบอมบ์ เครื่องดื่มปาร์ตี้สุดเกา พร้อมจัดหนักเมนูเกาหลีกว่า 36 เมนู อาทิ ไส้หมูหมักกับซอสเผ็ด, ซัมกยอบซัล หมูสามชั้นย่างบนฟอยล์, หมูสันคอและหมูติดมันซอสลูกแพร์, ใบงาเกาหลี, ซูบักฮวาแซ (น้ำแข็งไสเกาหลี) แคมเปญเริ่มตั้งแต่ 8 ธันวาคม 2566 – 18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ร้านอากะทุกสาขา

ตำมั่ว (Tummour) ส่งแคมเปญปลายปีตอกย้ำความมั่วระดับตำนาน เน้นการสร้าง Experience ใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ กับแคมเปญ ‘โคตรแซ่บ โคตรคุ้ม’ เสิร์ฟ 3 เมนู ตำโคตรมั่ว, ตำโคตรเจ้าสมุทร, ตำโคตรหมูยอ จัดหนัก จัดเต็ม แบบไม่หวงเครื่อง มาพร้อมโปรโมชั่นแลกซื้อเมนูหมูสับปลาร้าทรงเครื่อง 1 จาน เพียง 69 บาท (จากราคาปกติ 135 บาท) เมื่อซื้อเมนูตำโคตร (ที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 

ลาวญวน (Lao Yuan) ร้านอาหารสไตล์อินโดจีน ไทย-ลาว-เวียดนาม ที่พึ่ง Re-Positioning วางจุดยืนและออกแบบกลยุทธ์แบรนด์ใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยจะมีการเน้นการขยายสาขาแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง และเน้นจุดขายเรื่องการมอบประสบการณ์ใหม่ สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ผ่าน Storytelling, การปรับโฉม Store Experience ใหม่ และการชูเมนูซิกเนเจอร์ที่เป็นเมนูญวนขึ้นมาเป็นไฮไลท์สำคัญ

 

เขียง (Khiang) ขอส่งเมนูใหม่แบบย้อนวันวาน วัยเด็ก เป็นแคมเปญส่งท้ายปีแบบน่ารัก ๆ กับ ‘มาม่าหน้าโรงเรียน’ 3 เมนูเด็กเส้น เครื่องแน่น ได้แก่ มาม่าหน้าโรงเรียน, มาม่าปลากระป๋อง, มาม่าต้มยำทรงเครื่อง โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่  20 ธันวาคม  66 - 31 มีนาคม 67 ที่ร้านเขียงทุกสาขา ทั่วประเทศ


นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปีของทุกแบรนด์ในเครือ การขยายสาขาก็เป็นเป้าหมายหลักของ เซ็น กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่เดือน มกราคม - ธันวาคม 2566 (อัพเดตข้อมูลเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566) โดยบริษัทเปิดร้านอาหารใหม่รวมทั้งหมด 55 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 35 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 15 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 5 สาขา 

-          เซ็น เรสเตอร์รอง เปิดสาขาใหม่ 7 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 54 สาขา

-          ออน เดอะ เทเบิ้ล เปิดสาขาใหม่ 8 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 7 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 35 สาขา

-          อากะ เปิดสาขาใหม่ 15 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 54 สาขา 

-          ดินส์ เปิดสาขาใหม่ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 2 สาขา

-          ตำมั่ว เปิดสาขาใหม่ 12 สาขา ซึ่งเป็นสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 9 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 3สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 89 สาขา 

-          เดอ ตำมั่ว เปิดสาขาใหม่ 2 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 1 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 3 สาขา 

-          ลาวญวน เปิดสาขาใหม่ 6 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 4 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 2สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 34 สาขา

-          เขียง เปิดสาขาใหม่ 4 สาขา ซึ่งเป็นสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 3 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 55 สาขา

15 มีนาคม 2566

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โชว์ผลงานไตรมาส 4/2565 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 946 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,413 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 154 ล้านบาท

คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4 ปี 2565 รายได้ของบริษัทรวมทั้งสิ้น 946 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้ธุรกิจร้านอาหาร จากการฟื้นตัวของธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อีกทั้งยังมีการขยายสาขาใหม่โดยเฉพาะสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ รวมถึงการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าและการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจากความพยายามของบริษัทในการปรับโมเดลธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ได้เข้าลงทุนในบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ช่วยผลักดันให้รายได้ธุรกิจอาหารค้าปลีกของบริษัทเติบโตขึ้นมาก ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,158 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 154 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 92 ล้านบาทในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 245 ล้านบาท และนับเป็นผลประกอบการที่บริษัททำได้สูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มา ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19”

คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2565 บริษัทได้โฟกัสที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิมของบริษัท +25.5% โดยเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร เพิ่มขึ้น 928 ล้านบาท หรือ 59% หลังการปลดข้อจำกัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับการเปิดสาขาใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพ

ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวน 18 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 9 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 9 สาขา หากนับรวมทั้งปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 45 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 25 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 20 สาขา ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 345 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 155 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 190 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45:55”

“ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ ซึ่งมีการขยายสาขาของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ เพื่อให้ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ โดยในปี 2566 นี้ ทางบริษัทก็ยังคงเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน การปรับโมเดลธุรกิจให้กระชับ ทันสมัย พร้อมทั้งการขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 66 รวมถึงความพร้อมของการบริหารจัดการร้านอาหาร ต่อยอดการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบภายในร้าน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Robot, QR Ordering/Payment, Cashless ให้รองรับการใช้งานกับทุกร้าน และทุกสาขาในเครือทั้งหมด เพื่อเตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยความมั่นคงและยั่งยืน

อีกทั้งยังได้มีการเน้นการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ ด้วยการใช้กลยุทธ์ Insightful Marketing ที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และสร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี” คุณบุญยง กล่าวทิ้งท้าย
 

15 มีนาคม 2566
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยความสำเร็จปี 65 ผ่านการดำเนินงานใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจแฟรนไชส์,
ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจอาหารค้าปลีก และส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่ ชี้ภาพรวมธุรกิจเติบโต
กว่า 51% ชูรายได้รวม 3,413 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท พร้อมเปิดเกมรุกแบบดุดัน ลับคมทั้ง 5 ธุรกิจ กับการ
วางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง รวมถึงแผนขยายสาขาของร้านอาหารในเครือและแฟรนไชส์
ทั้งในไทยและต่างประเทศ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในธุรกิจอาหารค้าปลีก เพื่อผลักดันเป้าปี 66
ให้แตะ 4.5 พันล้านบาท

คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า “สำหรับปี 65 ที่ผ่านมา ธุรกิจในเครือเซ็นกรุ๊ปสามารถเติบโตได้ตามเป้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทย ทำรายได้ไปถึง 3,413 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท และจากการคาดการณ์ของศูนย์วิจัย
กสิกรไทย คาดว่าในปี 66 มูลค่ารวมของธุรกิจร้านอาหารจะอยู่ที่ 4.18 – 4.25 แสนล้านบาท หรือเติบโตประมาณ
2.7 – 4.5% จากปีก่อน โดยเฉพาะร้านอาหาร Full Service ที่เป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และร้านนอกห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง จะเห็นการเติบโตแบบชัดเจนขึ้น ซึ่งการคาดการณ์ในส่วนนี้ผนวกกับทิศทางองค์กรและการวางแผนกลยุทธ์ที่ดีจะส่งผลให้ปี 66 นี้ เติบโตขึ้นไปถึงเป้าที่ตั้งไว้อีกได้อย่างแน่นอน”

5 เสาหลักธุรกิจกับทิศทางองค์กรในปี 2566
ธุรกิจร้านอาหาร
ถือได้ว่าเป็นธุรกิจหลักของเซ็นกรุ๊ป สัดส่วนกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า
32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ รวมแล้วกว่า 345 สาขา ซึ่งปี 65 ที่ผ่านมาขยายไปแล้วกว่า
45 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ โดยในปีนี้ธุรกิจนี้จึงถูกโฟกัสเป็นพิเศษเช่นเดิม เพื่อเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน การปรับโมเดลธุรกิจให้กระชับ ทันสมัย พร้อมทั้งการขยายเพิ่มอีกกว่า 90 สาขาภายในปี 66 ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ และเน้นการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน สร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี

คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารของเซ็นกรุ๊ป ในส่วนของกลยุทธ์การขยายสาขาปี 2565 บริษัทได้ใช้ Growth Strategy โดยการเปิดสาขาบนพื้นที่ใหม่ ๆ มุ่งเน้นการขยายไปที่น่านน้ำใหม่ เช่น ในพื้นที่ต่างจังหวัด เมืองหลักและเมืองรองที่บริษัทไม่เคยไป ทำให้สามารถขยายสาขาในต่างจังหวัดไปได้มากเกินกว่าครึ่งของจำนวนสาขาที่เปิดทั้งหมดในปีก่อนหน้า ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างและครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ สำหรับ
อีกส่วนหนึ่งคือ กลยุทธ์การบริหารจัดการร้านอาหาร บริษัทได้ขยายการนำวัตถุดิบคุณภาพที่มีมาตรฐานของบาง
แบรนด์ไปต่อยอดกับทุก ๆ แบรนด์ในเครือฯ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของ
การจัดซื้อ การวางแผนและการบริหารจัดการสาขาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนสุดท้ายคือ กลยุทธ์
ด้านเทคโนโลยี
ซึ่งบริษัทก็ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการทำงานของสาขา ไม่ว่าจะเป็น
Robot, QR Ordering/Payment, Cashless และ CRM เข้ามาใช้ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากรของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับกลยุทธ์ใน ทุกส่วนงาน ทำสถิติยอดขายและกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทได้อย่างเป็นผลสำเร็จ
ในส่วนของการก้าวเข้าสู่ปี 66 นี้ บริษัทก็ได้มีการวางแผนขยายสาขาร้านอาหารไปในทิศทางเดียวกันกับปีก่อน
พร้อมกับการต่อยอดการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบภายในร้าน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Robot, QR Ordering/Payment, Cashless ให้รองรับการใช้งานกับทุกร้านและทุกสาขาในเครือทั้งหมดด้วย”

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ปีนี้ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายธุรกิจทั้งแบรนด์ญี่ปุ่น
แบรนด์ไทยและแฟรนไชส์ ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Insightful Marketing ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งสะท้อนออกมาใน 3 แง่มุม ดังนี้
  1. Insightful Product ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ : เราดึงข้อมูลเชิงลึกทั้งข้อมูลการขายและการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค จนเราพัฒนามาเป็น Product และบริการใหม่ ๆ เช่น เซ็น เรสเตอร์รอง มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนทำงานที่มีความต้องการหลากหลาย ด้วยการออกเมนู Lunch Set คุณภาพดีแบบตอบโจทย์ ทั้งในแง่มุมของ Menu Mix ที่อร่อยได้ 2 เมนูใน 1 เซ็ต ปริมาณที่เลือกอิ่มได้พอดี และราคาที่เข้าถึงได้ หรือในส่วนของแบรนด์ไทย อาทิ เขียง ที่ออกเมนู “กะเพราสองรัก” เพราะเราเข้าใจผู้บริโภคว่า ในหนึ่งมื้อเขาอยากทานหลายเมนูในงบจำกัด จึงออกเป็นกะเพรา + ไก่กระเทียม ที่ใคร ๆ ก็ถูกใจ
  2. Insightful Promotion ที่เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าใหม่ : เราทำการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในทุกแง่มุม ทั้งโอกาสในการเข้ามารับประทาน และช่วงเวลาของการรับประทาน จนเรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะต่อยอดแต่ละแบรนด์ได้ อาทิ อากะ ยากินิกุ แน่นอนว่าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนรักบุฟเฟต์ แต่เราอยากเริ่มขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ตั้งแต่วัยเรียน จึงออกแคมเปญ “ป่ะ ทาน นักเรียน” เพราะอยากเติมเต็มพลังที่ใช้ไปในงบที่เข้าถึงได้ เราจึงมอบส่วนลดสำหรับนักเรียนหลังเลิกเรียนให้ได้อิ่มจุกอย่างเต็มที่ ทั้งยังสื่อสารออกมาในรูปแบบที่สนุกสนานโดนใจ และใช้สื่อที่เข้าถึงโดยเฉพาะ หรือ แบรนด์ตำมั่ว เราออกโปรโมชั่น
    “เบิ้ลเครื่อง” เพราะมาจากข้อมูลที่เราคอยสังเกตลูกค้าว่าลูกค้ามักจะขอเพิ่มส่วนผสมพิเศษอื่น ๆ ที่ตัวเอง
    ชื่นชอบ จึงเป็นที่มาของการเพิ่มเครื่องให้แน่นขึ้นในเมนูยอดฮิตทั้งหลาย หรือแม้แต่การสั่งเครื่องแยกแบบ DIY เพื่อให้ลูกค้าเติมเต็มความฟินด้วยตัวเอง
  3. Insightful Communications สื่อสารถูกใจในรูปแบบใหม่ : เราเชื่อว่าการสร้าง Awareness แบบทั่วไป
    ไม่เพียงพอ ทุกวันนี้เราต้องแข่งกับ Content ที่หลากหลายในมือของผู้บริโภค ลองหาวิธีที่จะทำอย่างไร ให้พวกเขาหันมามองแบรนด์ของเรา “Call Attention with Engagement” จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสื่อสาร แต่ต้องเป็นการเรียกให้ผู้บริโภคหันมามองแบบเข้าอกเข้าใจตัวเขา ประเดิมต้นปีด้วยแบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง ที่ออกแคมเปญ “Dear Boss” ที่ชวนบอสทั่วไทยเปิดโอกาสให้น้อง ๆ หนุ่มสาวออฟฟิศ ลุกจากหน้าคอม ออกไปทานมื้อเที่ยงแบบมีคุณภาพที่ เซ็น เรสเตอร์รอง เพื่อสร้าง Work Lunch Balance ให้ชีวิตชาวออฟฟิศ สร้างเสียงฮือฮาผ่านข้าวหน้าบอสชั้นนำในไทย จนสื่อไทยและสื่อนอกไปขยายผลต่อ ส่วน ออน เดอะ เทเบิ้ล  ก็วางแผนขยายผลต่อหลังจากเปิดตัวโต๊ะจัง ตัวแทนสาวรุ่นใหม่ที่ช่วยพาแบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล ติดลมบน ปีนี้ยังเตรียมคอลแลปและครีเอทกิจกรรมสนุก ๆ แบบเข้าถึง เข้าใจสาว ๆ อีกมากมาย
ทั้ง 3 แง่มุมนี้จะถูกใช้โดยมุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารและสร้างการรับรู้ ให้เข้าถึงไลฟสไตล์แบบตรงใจ รวมถึงการสร้าง
แบรนด์ให้มีชีวิต มีคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น แต่ยังคงชูความแข็งแรงในเรื่องการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ให้เป็น Top of Mind ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป”

ธุรกิจแฟรนไชส์
ขณะที่ธุรกิจแฟรนไชส์ก็ยังคงเป็นที่สนใจของตลาดอยู่ไม่น้อย ส่งผลให้การขยายสาขาแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางเซ็นกรุ๊ปก็ได้เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าใหม่และมองหาตลาดใหม่ ผลักดันแบรนด์ ตำมั่ว และเขียง บุกหนักสร้างความแข็งแกร่งกับตลาดหลักในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ ไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว และสร้างโอกาสในการเติบโตกับตลาดใหม่ให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้ เป็นต้น คาดว่าในปี 66 นี้ จะสามารถต่อยอดให้ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกส่วนคือการมุ่งเน้นเรื่องการขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันให้เกิดขึ้นในทุกสาขาด้วย”

ธุรกิจอาหารค้าปลีก
“หลังจากปีที่แล้วที่ทางเซ็นกรุ๊ป ได้ดึง “คิง มารีน ฟู้ดส์” และ “เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์” เสริมทัพพอร์ทธุรกิจอาหารในเครือ สามารถช่วยสร้างรายได้ของบริษัทฯ ไปไม่น้อยในปีที่ผ่านมา ปีนี้ได้มีการวางแผนที่จะเร่งสร้างยอดขายธุรกิจอาหารค้าปลีกให้ได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและคลังสินค้าให้รองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้น

จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากเข้าลงทุนใน 2 บริษัทข้างต้น ส่งผลให้ธุรกิจอาหารค้าปลีกเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายและลดต้นทุนวัตถุดิบให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทางเซ็นกรุ๊ปเองก็ยังคงมองหาโอกาส การลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีความน่าสนใจและให้อัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่า เข้ามาเสริมทัพพอร์ทธุรกิจอาหารในเครือให้มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป” คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ กล่าวเสริม

ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ
ในส่วนนี้จะได้ถูกปรับปรุงระบบสนับสนุนการขายให้ราบรื่นคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ปักหมุดขยายธุรกิจจาก B2C เป็น B2B โดยเน้นการขาย Voucher แก่องค์กร พร้อมกับการสร้างการรับรู้ระบบและเพิ่มยอดสมาชิก ผ่านแอพพลิเคชัน ZEN GROUP ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และ 1376 Delivery บริการจัดส่งอาหาร โดยเน้นรูปแบบ Big Order ชูความแตกต่าง เน้นคุณภาพการบริการและศักยภาพในการจัดส่งอาหารในจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“คาดว่าปี 66 สัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจในเครือ เซ็นกรุ๊ป จะแบ่งเป็นรายได้จาก ธุรกิจร้านอาหาร 74% ธุรกิจ
แฟรนไชส์ 7% ธุรกิจอาหารค้าปลีก 13% ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ 6% เชื่อมั่นว่าการเปิดเกมรุกการทำการตลาดรอบด้านในปีนี้ จะส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง แตะเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน”
คุณบุญยง กล่าวทิ้งท้าย


 
22 กุมภาพันธ์ 2566
ในยุคแห่ง Toxic Productivity ความขยัน กลับมาทำร้ายคนทำงาน Work ไร้ บาลานซ์ กินข้าวไปทำงานไปหน้าจอคอม ติดโต๊ะทำงาน ยิ่งหลังยุคโควิด การสั่งเดลิเวอรี่ข้าวมากินกลายเป็น New Normal แต่จากงานวิจัย Harvard Health Publishing พบว่า 51% ของพนักงานที่ได้ออกไปกินข้าวกลางวันข้างนอก รู้สึกมีพลังโฟกัส กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความ ‘Productive’ ในการทำงาน

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่ เซ็น เรสเตอร์รอง (ZEN Restaurant) เป็นตัวแทนมื้ออาหารที่ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพ และความพิถีพิถันมายาวนานกว่า 32 ปี พร้อมด้วยความต้องการที่จะอยากส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจที่สุด ในปีนี้ทางแบรนด์มุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในวัยทำงาน โดยดึง Customer Insight จากกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ส่วนมากต้องพบเจอกับปริมาณงานที่หนักหน่วงในแต่ละวัน จนอาจเกิดการ Burnout หรือที่เรียกว่า หมดไฟในการทำงาน

ในส่วนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2023 ทำให้หันมาให้ความสำคัญกับการสร้าง สุขภาพกาย-สุขภาพใจที่ดี และหลายต่อหลายคนพยายามมองหาผลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งมื้ออาหารที่จะช่วยลดความเครียดได้ในช่วงพักกลางวันที่มีเวลาจำกัด ทางแบรนด์จึงได้ไอเดียใหม่ เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายอย่างจริงจัง ด้วยการปักหมุด Lunch Destination #เที่ยงนี้ที่ZEN ครีเอทเมนูชุดอาหารกลางวัน LUNCH SET ที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ แหล่งที่มาของวัตถุดิบชั้นเลิศ และการปรุงอาหารตามหลักของญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมเสิร์ฟให้ทานง่าย ตอกย้ำการเป็น Top of Mind ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

และถึงแม้ว่าจะมี LUNCH SET ที่ช่วยให้มื้อเที่ยงสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ทางแบรนด์ก็ยังอยากช่วยแก้ไข Pain Point ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก โดยการต่อยอดสู่การสร้าง Movement #WorkLunchBalance ผ่านข้าวหน้าบอส ที่ทำขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ชวน Big Boss ทั้งหลาย ทุกสาขาธุรกิจทั่วประเทศ มาร่วมสนับสนุนให้พนักงานในบริษัท ปิดจอคอมออกไปพักกินข้าวกลางวันข้างนอก รณรงค์ให้กลายเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพ เพื่อกลับมาทำงานต่อได้ดี… มีคุณภาพยิ่งกว่าเดิม”

ไม่ว่าจะเป็น ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม บอสผู้รันวงการคอนเสิร์ต Big Mountain มันส์สุดใจ, บอสโอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน จากโคตรคูล ที่กระโดดมาทำรายการไหนก็ปังทั้งช่อง, บอสเคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ บก. หนุ่มไฟแรงแห่ง The Standard, บอสท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา พ่อทัพแห่ง Bitkub Group, บอสแพม-สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล แห่ง OH! RiCH และบิ๊กบอสอีกมากมายหลากหลายวงการ

ZEN LUNCH SET เมนูที่เลือกได้ แบ่งเป็น 3 เซ็ต VALUE SET คุ้มได้จุกๆ กับปริมาณที่เลือกได้ ทั้ง Size M หรือ L, DUO SET สุดคุ้ม กับ 2 วัตถุดิบในเซ็ตเดียว และ MENRUI & APPETIZER คุ้มกับรสชาติอุ่นๆ กับเมนูเส้นและจานเคียง ตอบโจทย์ทุกความชอบ รวมกว่า 20 เมนู จะเลือกแบบอัพไซส์ หรือจับคู่ ปลา เนื้อ หมู ไก่ ย่าง เส้น มาพร้อมของหวานและเครื่องดื่ม จัดให้แบบจุกๆ ทั้งคุณภาพ รสชาติและปริมาณ เรียกได้ว่าอิ่มคุ้มในชุดเดียว ราคาเริ่มต้นเพียง 
185 บาท วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 11.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อสนับสนุนให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายได้ออกมาพักทานกลางวันอย่างมีคุณภาพที่ร้านนอกออฟฟิศ

ว่าแล้วก็ปิดคอม.. ออกไปพักกลางวันกันให้มีคุณภาพกัน
#WorkLunchBalance #เที่ยงนี้ที่ZEN 
ติดตามข่าวสารและโปรโมชันได้ที่  https://www.facebook.com/Zenjapaneserestaurant
 
26 ธันวาคม 2565
‘โต๊ะจัง’ แบรนด์คาแรคเตอร์ จาก On the Table ร้านอาหารโตเกียวคาเฟ่ สไตล์ฟิวชั่น ที่แจ้งเกิดด้วยการสร้างกระแสบนโลกโซเชียล สร้างสีสันเขย่าวงการธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง จนทำให้แบรนด์ถูกพูดถึงเพิ่มขึ้นกว่า 50% ผ่านการสำรวจด้วย Social Listening อีกทั้งยังสามารถเพิ่มยอดขายหลังจากเปิดตัวคาแรคเตอร์ได้ถึง 17% ด้วยการเติบโตที่ผ่านมานี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จในการสร้าง Character Marketing ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี พร้อมเร่งต่อยอดการสร้างแบรนด์ ปั้น โต๊ะจัง พัฒนาสู่การ Collaboration มิติใหม่ที่จะเชื่อมต่อผู้บริโภคยุคใหม่ให้เข้าถึงแบรนด์ได้อย่างครบรสมากยิ่งขึ้น

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ On the Table ในวงกว้าง ผ่าน Character Marketing ทำให้ ‘โต๊ะจัง’ สาวน้อยช่างกิน ขี้เล่น เปรี้ยวซ่า ขี้อ้อน และช่างพูด ช่างคุย เข้ามาช่วยสร้าง Social Connection และ Brand Recall อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนการสร้างความสุขบนโต๊ะอาหาร ตามคอนเซ็ปต์ Happiness in On the Table ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

On the Table x Drop by Dough
ในปีนี้เราจึงเริ่มต้นด้วยการใช้โต๊ะจังต่อยอดสู่การวาง Collaboration Strategy เพื่อมองหาแบรนด์ที่มีแนวคิดในการรังสรรค์เมนูอาหารแบบ ฮาร์ทเมด (Heart-made) ทำด้วยความตั้งใจและใส่ใจในคุณภาพวัตถุดิบเฉกเช่นเดียวกันมาร่วมสร้างโมเมนต์แห่งความสุขผ่านมื้ออาหาร ความคิดสนุก ๆ นี้ จึงเกิดดีลที่เป็นไฮไลท์ความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง On the Table ร้านอาหารญี่ปุ่นโตเกียวคาเฟ่ เมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นแบบโฮมเมด มาจับมือกับแบรนด์ Drop by Dough แบรนด์โดนัทสายคราฟต์สไตล์แฮนด์เมด
พร้อมกับการประเดิมตลาดเปิดตัวผลผลิตดีลคอลแลปฯ กับการครีเอทเมนูโดนัท 2 รสชาติใหม่ คือคาราเมลบิสกิต (Caramel Biscuit) และสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ตไวท์ช็อค (Strawberry Yogurt White Choc) ที่ตั้งต้นไอเดียจากคาแรคเตอร์ของโต๊ะจัง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบของหวาน เติมประสบการณ์แบบครบรส ทำให้ On the Table ได้ให้บริการในรูปแบบ All-day Diningจบมื้อโดยสมบูรณ์ และสามารถเป็น Third-place ที่ลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารคาว-หวาน มานั่งพูดคุยกัน รวมถึงยังสามารถเข้ามาทำงานได้ 
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบแพ็กเกจกล่องโดนัทแบบใหม่ ชูความเป็นลิมิเต็ดลายหน้า โต๊ะจัง เพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีอีกด้วย”

Caramel Biscuit: โดนัทรสชาตินี้ อิงคาแรคเตอร์ของโต๊ะจัง ที่เป็นคนช่างพูด คุยสนุก คุยมันส์ เข้าสังคมเก่ง ทำให้รสชาติเต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างเต็มที่ มีทั้งความหอม หวาน มัน 

Strawberry Yogurt White Choc: โดนัทอีก 1 รสชาติ ถูกดีไซน์จากอีกมุมคาแรคเตอร์ของโต๊ะจัง ที่เป็นสาวเปรี้ยว มั่นใจ มีความทันสมัย แต่มีความขี้อ้อน น่ารัก รสชาติของโดนัทรสนี้จึงมีทั้งความเปรี้ยวอมหวานของไส้โดนัท

ทางด้านคุณณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และ คุณเฉลิมพล อัครภิญโญกุล เจ้าของร้าน Drop by Dough กล่าวถึงการคอลแลปฯ ครั้งนี้ว่า “ทางแบรนด์ Drop by Dough ต้องการสร้าง engagement ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งการร่วมมือกันกับ On the Table ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของเราด้วยที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ที่เป็นร้านอาหารและเป็นครั้งแรกที่ทาง Drop by Dough ได้รังสรรค์เมนูที่เกิดจากการนำ Brand Personality ของตัวคาแรคเตอร์ ‘โต๊ะจัง’ มาสร้างสีสันบนโดนัททั้ง 2 รสชาติใหม่ เชื่อว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของพวกเราทั้ง 2 แบรนด์ได้อย่างแน่นอน ทั้งยังกระตุ้นให้ธุรกิจของทั้ง 2 แบรนด์ มีกระแสคึกคักในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีด้วย”

“เป้าหมายต่อไปของเราคือการสร้างแบรนด์ ตอกย้ำความเป็นไลฟสไตล์แบรนด์มากขึ้น พร้อมกับการเติมประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลายให้กับลูกค้า อาจไม่จำกัดแค่เฉพาะในร้านอาหารของเราเท่านั้น แต่ ‘โต๊ะจัง’ ยังสามารถร่วมแชร์กลุ่มเป้าหมายไปยังแบรนด์อื่น ๆ ร่วมกับสินค้าต่างวงการธุรกิจก็เป็นได้ และเร็ว ๆ นี้ ‘โต๊ะจัง’ เตรียมจะสร้างกระแสบนโลกโซเชียลอีกครั้ง รับรองว่าจะเป็นการตลาดที่น่าเอ็นดูแน่นอน” คุณมยุรี กล่าวทิ้งท้าย

โดนัท โต๊ะจัง พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 15 มกราคม 2566 ในราคาชิ้นละ 135 บาท และ Special Box Set 4 ชิ้น ในราคา 459 บาท ที่ร้าน On the Table ทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัลเวิร์ล, สามย่านมิตรทาวน์, เซ็นทรัลพระราม 9, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เมกะ บางนา และร้าน Drop by Dough ทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ ดิ เอ็มควอเทียร์, สุขุมวิท 101/2, อารีย์, Pop up Store สาทร-วงเวียนใหญ่